ท่ามกลางราคาน้ำมันโลกดิ่งเหว “นาวาซ ชารีฟ” ยกเลิกร่วมประชุมดาวอสกระทันหัน หลังเกิดประท้วงน้ำมันขาดไปทั่วปากีสถาน

เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(22) นายกรัฐมนตรีปากีสถาน นาวาซ ชารีฟ แถลงยกเลิกการร่วมประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม 2015 ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อรับมือกับวิกฤตขาดแคลนเชื้อเพลิงในประเทศ ส่งผลให้เกิดการประท้วงใหญ่ และทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองในปากีสถาน

วอลสตรีทเจอร์นัล รายงานเมื่อวานนี้(22)ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเหนือของปากีสถานเกิดสถานการณ์ขาดแคลนเชื้อเพลิงอย่างหนัก ทำให้เหล่านักขับต้องต่อแถวรอยาวเป็นชั่วโมงที่สถานีจ่ายน้ำมัน ซึ่งมีรายงานว่า ในปั้มน้ำมันบางแห่งมีการต่อแถวยาวถึงครึ่งไมล์ และพบว่ามีสถานีจ่ายน้ำมันเป็นจำนวนมากอนุญาตให้เหล่านักขับที่ยืนรอต่อแถวพร้อมถือแกลอนน้ำมันในมือสามารถซื้อได้จำกัดไม่เกิน 1,000 รูปี หรือ 10 ดอลลาร์

ทั้งนี้ชารีฟได้รับรายงานสรุปข้อมูลปริมาณน้ำมันและจำนวนความต้องการของชาวปากีสถานในทุก 2-3 ชม. เจ้าหน้าที่พรรครัฐบาลแถลง และเสริมว่า เพราะปัญหาน้ำมันขาดแคลนหนักภายในประเทศ เป็นผลให้นายกรัฐมนตรีปากีสถานตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไปร่วมประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม 2015 ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ และต้องการเฝ้าจับตาสถานการณ์น้ำมันภายในประเทศอย่างใกล้ชิด และหาทางยุติวิกกฤตนี้

ในขณะที่ภาพข่าวทางสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแสดงให้เห็นถึงชาวปากีสถานจำนวนมากยืนเข้าคิวพร้อมกับแกลอนน้ำมันพลาสติกในมือเพื่อซื้อน้ำมัน โดยชาฟีค อาธาร์ (Shafeeq Athar) คนขับรถแท็กซีในกรุงอิสลามาบัด เปิดเผยว่า รายได้ประจำวันจากการขับรถลดลงเหลือครึ่งหนึ่งในรอบ 10 วันที่ผ่านมาเพราะเหตุผลน้ำมันขาดแคลน

“ผมยืนรอต่อคิวนานร่วม 4 ชม . บางทีก็นานถึง 5 ชม.ทีเดียว เพื่อซื้อน้ำมันราคาหลายพันรูปี แต่ผมจะมีรายได้เข้ามาได้อย่างไรในเมื่อผมต้องยืนรอต่อคิวนานขนาดนี้ถึงครึ่งวันเต็ม” อาธาร์กล่าว

สื่อวอลสตรีทเจอร์นัลรายงานเพิ่มเติมว่า ย่านที่ได้รับผลกระทบการขาดแคลนเชื้อเพลิงมากที่สุดคือ ปัญจาบ จังหวัดที่มีประชากรอาศัยอย่างหนาแน่นที่สุด และเมืองหลวงของประเทศ กรุงอิสลามาบัด

นอกจากนี้ ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลปากีสถาน บริษัทปริโตเลียม และเจ้าของสถานีบริการจ่ายน้ำมัน ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เกิดจากความผิดพลาดในการจัดการของซัพพลายเชน และรวมไปถึงการคาดคะเนผิดในความต้องการใช้น้ำมันในปากีสถานหลังจากราคาน้ำมันโลกที่ลดต่ำลงที่นำไปสู่วิกฤต ซึ่งได้รับการอุดหนุนในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดในวันพฤหัสบดี(22)

ในขณะที่รัฐมนตรีพลังงานของปากีสถานแถลงว่า นับตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม เป็นต้นมา ความต้องการใช้น้ำมันในปากีสถานในแต่ละวันได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปริมาณความต้องการโดยเฉลี่ยก่อนเกิดวิกฤต ซึ่งสูงสุดในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

ด้านสหพันธ์ตัวแทนปิโตรเลียมปากีสถาน (Pakistan Petroleum Dealers Association)กล่าวว่า ซัพพลายน้ำมันฉุกเฉินได้ส่งไปถึงสถานีจ่ายน้ำมันแล้วตั้งแต่กลางดึกคืนวันพุธ(21) และสถานการณ์วิกฤตที่เลวร้ายได้ยุติลง

บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเพิ่มเติมเมื่อวานนี้(22)ว่า รัฐบาลปากีสถานกล่าวโทษถึงความต้องการน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจนทำให้เกิดวิกฤต แต่นักวิจารณ์ตำหนิในการรับมือที่ไม่เอาไหนของรัฐบาลปากีสถาน ซึ่งชารีฟได้ประชุมฉุกเฉินก่อนหน้านี้ และให้คำมั่นที่จะลงโทษต้นเหตุที่ทำให้เกิดความขาดแคลน และนี่ถือเป็นครั้งที่สองที่ นายกรัฐมนตรีปากีสถานไม่บินไปร่วมการประชุมเศรษฐกิจดาวอส ซึ่งในปีที่ผ่านมา ชารีฟจำต้องยกเลิกกำหนดการเพราะเกิดปัญหาความมั่นคงโดนกลุ่มก่อการร้ายตอลิบานโจมตี

และวอลสตรีทเจอร์นัลรายงานเพิ่มเติมว่า สืบเนื่องจากวิกฤตน้ำมันส่งผลทำให้เกิดการประท้วงลามไปทั่วในวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา จากการชักนำของฝ่ายค้านปากีสถาน ซึ่งชี้นิ้วว่า วิกฤตความขาดแคลนนี้เกิดขึ้นจากรัฐบาลของชารีฟ และเรียกร้องให้รัฐมนตรีพลังงานปากีสถาน ชาห์อิด คาข่าน อับาสซี (Shahid Khaqan Abbasi)ลาออก รวมไปถึงเรียกร้องให้เหล่าคณะครม.ปากีสถาน และพรรคแกนนำรัฐบาลปากีสถานต้องออกแถลงการณ์ขอโทษกับประชาชน และพร้อมที่จะแก้ปัญหาวิกฤตนี้ให้เร็วที่สุด

“หากพบว่าเป็นความผิดของผม ผมจะยอมลาออก และหากผมได้รู้ถึงข้อบกพร่องในส่วนที่รับผิดชอบ ผมลาออกไปนานแล้ว”อับาสซีแถลงกับสถานีดทรทัศน์ท้องถิ่นในวันพฤหัสบดี(22)

นอกจากนี้ยังพบว่า ความขาดแคลนไม่ได้จำกัดแค่ทางตอนเหนือ แต่ยังเกิดขึ้นที่การาจี ทางตอนใต้ของประเทศอีกด้วย โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบภาพเหล่านักขับยืนเข้าคิวยาวรอขอซื้อน้ำมันจากสถานีบริการจ่ายน้ำมันเช่นเดียวกันท่ามกลางข่าวลือแพร่สะพัดว่า เกิดดารขาดแคลนเชื้อเพลิงอย่างหนักในปากีสถาน แต่ในขณะนั้นทั้งตัวแทนรัฐบาล และบรรดาเจ้าของปั้มน้ำมันต่างประสานเสียงปฎิเสธ แต่ความตื่นตระหนกของผู้บริโภคเป็นผลทำให้เกิดวิกฤตความต้องการเพิ่มสูงเป็นอย่างมาก และมีหลายปั้มต้องปิดให้บริการราว 2-3 ชม.