xs
xsm
sm
md
lg

เข้ารายงานตัวแล้ว ตร.ระนองใช้อาวุธปืนยิงเรือประมง ทร.แจงไม่เข้าข้างใคร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจ 6 นาย คดียิงเรือประมง “บารมีพ่อ 9” เข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คุระบุรี จ.พังงา แล้ววันนี้ (16 ม.ค.) ขณะที่ทหารเรือร่อนหนังสือชี้แจงขั้นตอนการตอนการทำงานยันไม่เข้าข้างฝ่ายใด

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 6 นาย พร้อมพลเรือน 1 คน ใช้อาวุธปืนส่งครามยิงเข้าใส่เรือประมง “บารมีพ่อ 9” ซึ่งกำลังจอดลอยลำอยู่บริเวณตะวันตกของเกาะสุรินทร์ จ.พังงา เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา จนเรือได้รับความเสียหาย และขณะเกิดเหตุเรือหลวงศรีราชาได้เข้าไปช่วยเหลือจนได้รับความปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางเจ้าของเรือได้มอบหมายให้ตัวแทน และไต๋เรือ เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในข้อหาพยายามฆ่า ที่สถานีตำรวจ สภ.คุระบุรี จ.พังงา ล่าสุด วันนี้ เมื่อเวลา 09.00น. พ.ต.อ.ธรัฐชา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี หลังทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางมารายงานตัวต่อทางพนักงานสอบสวน แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่า มีรถขับเข้ามาที่สถานีตำรวจแต่สักพักก็ขับออกไป โดยไร้วี่แววของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 นาย

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 11.16 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 นาย ได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรคุระบุรี พร้อมกับทนายความ เมื่อมาถึงทางรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา และพนักงานสอบสวนได้นำตัวทั้ง 6 นายไปสอบสวนที่ห้องสอบสวนบริเวณชั้น 2 ของสถานีตำรวจภูธรคุระบุรีทันที ซึ่งจากรายงานทราบว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ในส่วนของคนขับเรือไม่ได้ร่วมเดินทางมาด้วย

ขณะที่ในส่วนของทัพเรือภาคที่ 3 ก็ได้ทำหนังสือชี้แจงมายังสื่อมวลชนถึงกรณีการเข้าไปช่วยเหลือเรือประมงที่ถูกยิง ว่า ตามที่ทัพเรือภาคที่ 3 ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากเรือประมงในพื้นที่และจากศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย-พม่า (ศปชล.ทพ.) เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 เวลาประมาณ 07.30 น.ว่า ได้มีเรือประมงติดอาวุธกำลังไล่จับกุมเรือประมงไทย บริเวณด้านทิศตะวันตกของเกาะสุรินทร์ใต้ และอยู่ในเขตน่านน้ำไทยทัพเรือภาคที่ 3 จึงได้สั่งการเรือหลวงศรีราชา ที่ปฏิบัติการในพื้นที่เข้าไปทำการตรวจสอบ และช่วยเหลือเรือประมงดังกล่าว ต่อมา ในเวลาประมาณ 08.50 น. เรือหลวงศรีราชา ได้เดินทางเข้าพื้นที่ และพบเรือประมงที่ร้องขอความช่วยเหลือ ชื่อเรือ “บารมีพ่อ 9” กำลังถูกเรือประมงสีเทาหมอกไล่จับกุมจึงเข้าไปในพื้นที่ และส่งสัญญาณให้เรือดังกล่าวหยุดการกระทำ

ทั้งนี้ เมื่อเรือหลวงศรีราชา ควบคุมสถานการณ์ได้ จึงสั่งเรือประมงต้องสงสัยเข้าเทียบเพื่อทำการตรวจสอบ พบว่า ผู้ที่อยู่บนเรือได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ในการสกัดกั้น และจับกุมผู้อพยพชาวโรฮิงญา และแรงงานต่างด้าวชาวพม่า หลังจากนั้น จึงให้เรือประมง “บารมีพ่อ 9” เข้าเทียบเพื่อสอบถามทราบว่า ขณะที่ทำการประมงอยู่ได้มีเรือประมงติดอาวุธเข้ามาในลักษณะจับกุมโดยได้มีการยิงสกัดกั้นจึงคิดว่าเป็นเรือประมงติดอาวุธของพม่า ทำให้ลูกเรือตกใจกระโดดน้ำหนีลอยคออยู่ในทะเล ดังนั้น เรือหลวงศรีราชา จึงได้ให้เรือที่อยู่บริเวณนั้นเข้าทำการช่วยเหลือลูกเรือดังกล่าว สามารถช่วยเหลือลูกเรือ จำนวน 6 คน ขึ้นมาบนเรือได้อย่างปลอดภัย

หลังจากที่ช่วยเหลือลูกเรือประมงที่ลอยคออยู่ในทะเลได้เรียบร้อยแล้ว จึงได้เรียก
เรือของ จนท.ตร. และเรือประมง “บารมีพ่อ 9” เข้ามาทำการสวบสวนเพิ่มเติม ทราบว่า เรือประมงบารมีพ่อ 9 เข้าใจผิดคิดว่าเรือที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเพื่อแสดงการตรวจค้นนั้นเป็นเรือประมงติดอาวุธพม่า เพราะตัวเรือมีลักษณะเหมือนมีการติดอาวุธ และมีพฤติกรรมเหมือนเรือพม่าที่มาปฏิบัติการในพื้นที่ ประกอบกับไม่มีสิ่งที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และเรือของทางราชการ จึงได้พยายามนำเรือหลบหนี และขอความช่วยเหลือจากเรือ ทร. และเรือประมงที่ทำการประมงในพื้นที่ สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ทราบว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้กำลังประกอบด้วยข้าราชการตำรวจ จำนวน 6 นาย ซึ่งเป็นสัญญาบัตร 1 นาย ประทวน 5 นาย และพลเรือน 1 คน ทำหน้าที่ไต๋เรือ ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ให้มาทำการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองชาวโรฮิงญา และแรงงานต่างด้าว เรือดังกล่าวที่นำมาปฏิบัติการเป็นเรือเช่า มีทะเบียนถูกต้องแต่ไม่ได้เขียนชื่อเรือไว้ ขณะที่กำลังลาดตระเวนได้พบกับเรือประมงดังกล่าวคิดว่าเป็นเรือเป้าหมาย จึงได้ทำการเข้าตรวจค้น และตรวจสอบ

ในส่วนของทัพเรือภาคที่ 3 ขอเรียนให้ทราบว่า หลังจากที่ได้รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สั่งการให้ศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย-พม่า (ศปชล.ทพ.) ทำการตรวจสอบข้อมูลกับ พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นชุดปฏิบัติการจริงหรือไม่ ได้รับการยืนยันว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของ จนท.ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง จริง ดังนั้น จึงให้เรือหลวงศรีราชา จัดทำรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้น พร้อมกับจัดทำหลักฐานต่างๆ เนื่องจากเห็นว่า เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติราชการ และได้ตรวจสอบกับหน่วยที่เกี่ยวข้องแล้วว่าเป็นชุดปฏิบัติการจริง จึงได้ปล่อยเรือดังกล่าวไป

นอกจากนั้น ทัพเรือภาคที่ 3 ได้จัดทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเนื่องจากการปฏิบัติการครั้งนี้ไม่มีการแจ้งให้แก่ทัพเรือภาคที่ 3 ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติงานในทะเลได้รับทราบ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ รวมทั้งทัพเรือภาคที่ 3 ได้รายงานให้กองทัพเรือได้รับทราบ โดยกองทัพเรือได้รายงานให้ศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ กระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ ทราบตามลำดับ และได้มีหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว

นอกจากนี้แล้ว ยังให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรคุระบุรี อ.คุระบุรี จังหวัดพังงา ในการจัดส่งหลักฐานเพื่อให้ใช้ประกอบคดีตามที่มีการร้องขอ เนื่องจากเจ้าของเรือ และไต๋เรือ “บารมีพ่อ 9” ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการดังกล่าว ทัพเรือภาคที่ 3 ขอเรียนชี้แจงว่า การดำเนินการของทัพเรือภาคที่ 3 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการในพื้นฐานของความยุติธรรมเป็นสำคัญ ไม่ได้จะเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งนี้ กระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการทางคดี ซึ่งทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมที่จะให้ความร่วมมือทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ผลการตรวจสอบได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องตามจริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในพื้นที่
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น