เอเอฟพี - สภาผู้แทนราษฎรปากีสถานวันนี้ (6 ม.ค.) มีมติเห็นชอบให้จัดตั้ง “ศาลทหาร” เพื่อพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ภายหลังเกิดเหตุกลุ่มตอลิบานบุกสังหารหมู่ที่โรงเรียนมัธยมในความอุปถัมภ์ของกองทัพปากีสถาน จนสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้แก่คนทั้งประเทศ
นายกรัฐมนตรี นาวาซ ชารีฟ แห่งปากีสถาน ได้ประกาศแผนการดังกล่าว ภายหลังกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง “เตห์ริก-อี-ตอลิบาน ปากีสถาน” (ทีทีพี) ก่อเหตุสังหารเด็ก 134 ชีวิต และผู้ใหญ่ 16 รายที่โรงเรียนในเมืองเปชาวาร์ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ ชารีฟยังได้สั่งยกเลิกการพักโทษประหารนาน 6 ปี สำหรับผู้ต้องโทษในคดีก่อการร้าย ทำให้มีนักโทษถูกส่งขึ้นตะแลงแกงไปแล้วหลายราย
วันนี้ (6) สมาชิกพรรคฝ่ายค้านหลักและพรรครัฐบาลได้ร่วมกันผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ไปให้วุฒิสภาพิจารณา
ซายเอ็ด คูร์ชีด อาห์เหม็ด ชาห์ ประธานฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรชี้ว่า “กฎหมายใหม่ฉบับนี้เปรียบได้กับยาขม ที่เราต้องฝืนกลืนลงไปเพื่อความมั่นคงของปากีสถาน”
ทั้งนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านความเห็นชอบ หลังจากสมาชิกสภานิติบัญญัติ 247 คน ซึ่งนับว่ามากกว่าสัดส่วนเสียงส่วนใหญ่ 2 ใน 3 ได้มีมติให้แก้กฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อปูทางไปสู่การจัดตั้งศาลทหาร
สำหรับ สมาชิกพรรคอิสลามิสต์ จามาอัต-อี-อิสลามี และพรรคจาเมียต อูเลมา-ไอ-อิสลาม (ของเมาลานา ฟาซาล-อูร์-เรห์มาน ) ได้ของดออกเสียง
ทางด้านสมาชิกพรรคของ อิมราน ข่าน ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาคริกเก็ต ที่ผันตัวมาเป็นนักการเมืองไม่ได้เข้าร่วมการประชุมสภาครั้งนี้ ขณะที่ประธานสภายังไม่อนุมัติหนังสือลาออกของสมาชิกในพรรคของข่าน ภายหลังที่เขาพา ส.ส. ทั้งพรรคลาออก เพื่อกดดันนายกรัฐมนตรีชารีฟ ที่ถูกกล่าวหาว่า โกงการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว จนสามารถคว้าชัยชนะ แล้วกลับมาครองตำแหน่งผู้นำปากีสถานได้อีกครั้ง
นอกเหนือจากพรรคอิสลามเคร่งจารีตแล้ว พรรคการเมืองสายกลางบางพรรค และสมาชิกในแวดวงปัญญาชนต่างกล่าววิพากษ์วิจารณ์แผนการจัดตั้งศาลทหาร รวมทั้งหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษชั้นนำ “ดอว์น” ซึ่งระบุในบทบรรณาธิการว่า วันนี้ช่างเป็น “วันที่น่าเศร้า”
หนังสือพิมพ์เจ้านี้ได้กล่าวตำหนิว่า บรรดาผู้นำทางการเมืองไม่สามารถปกป้องรากฐานของรัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตยไว้ได้ รวมทั้งไม่สามารถต้านทาน “ความต้องการของพวกนายพล”
ดอว์นระบุชี้ว่า “จริงอยู่ที่เราจำเป็นต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องเพื่อต่อสู้กับลัทธิหัวรุนแรง ในขณะที่เหล่าผู้นำทางการเมืองและการทหารก็ต้องร่วมมือกัน แต่การตั้งศาลทหารไม่ใช่คำตอบ”
