เอเจนซีส์ – หนังสือพิมพ์เซาธ์ไชนามอร์นิงโพสต์ตีแผ่เบื้องหลังการจัดซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินเก่าจากยูเครน ซึ่งต่อมาได้ถูกปรับปรุงจนกลายเป็น “เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง” ลำแรกของแดนมังกร โดยระบุว่านักธุรกิจชาวฮ่องกงที่รับหน้าที่ “นายหน้า” จัดซื้อเรือลำนี้ยังไม่เคยได้รับเงินจำนวน 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เขาเสียไปคืนจากรัฐบาลจีน
สวี เจิงผิง (Xu Zengping) ซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวฮ่องกง ได้จ่ายเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมูลเรือบรรทุกเครื่องบินวาร์ยัก (Varyag) จากยูเครน ทว่าค่าใช้จ่ายเริ่มบานปลายระหว่างการลากจูงกลับมายังประเทศจีน
เรือบรรทุกเครื่องบินชั้นคุซเนตซอฟลำนี้ถูกต่อขึ้นในปี 1985 แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงกลางคันหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย จากนั้นมันก็ถูกจอดทิ้งโดยไม่มีการบำรุงรักษา จนกระทั่งถูกนำออกประมูลในปี 1998
สวี ซึ่งเป็นอดีตนักบาสเก็ตบอลพีแอลเอได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เจรจาขอซื้อเรือลำนี้ โดยทำทีเป็นนักธุรกิจที่ต้องการนำเรือมาปรับปรุงเป็น “คาสิโนลอยน้ำ” ในมาเก๊า จากนั้นจึงส่งมอบให้แก่รัฐบาลปักกิ่ง
อย่างไรก็ตาม สวี ได้เปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์เซาธ์ไชนามอร์นิงโพสต์ ว่า “ผมยังไม่ได้รับเงินคืนแม้แต่เฟินเดียว (1 ส่วน 100 ของหยวน) จากรัฐบาลของเรา ผมแค่ส่งมอบมันให้แก่กองทัพเรือไป”
หลังจากใช้เวลาปรับปรุงต่อเติมอยู่หลายปี ในที่สุดเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงก็ถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพเรือเมื่อปี 2012 และกลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงแสนยานุภาพของแดนมังกร
สื่อฉบับนี้ไม่ได้เปิดเผยว่า สวี ร่ำรวยมาจากไหน เพียงอธิบายว่าเขาเป็น “นักธุรกิจในฮ่องกง” ที่สนใจด้านทรัพย์สินและการท่องเที่ยว และมีความปรารถนาที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพด้านการทหารของประเทศ
เซาธ์ไชนามอร์นิงโพสต์ ระบุว่า สวี และทีมงานเจ้าของเรือชาวยูเครน “ร่ำสุรากันอยู่นานหลายวัน” จึงตกลงซื้อขายกันในวงเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ แม้ต่อมารัฐบาลยูเครนจะสั่งให้เปิดประมูลเรือแทน แต่เขาก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากมิตรสหายในยูเครนจนกลายเป็นผู้ซื้อรายเดียวที่ยื่นซองประมูลทันเวลา
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุด สวี กลับต้องกู้ยืมเงินจากเพื่อนฝูงมาจ่ายก่อน หลังกองทัพเรือจีนอ้างว่า “ไม่มีงบประมาณ” เนื่องจากเศรษฐกิจจีนในช่วงปลายทศวรรษ 1990 กำลังย่ำแย่
สื่อฮ่องกงฉบับนี้อ้างข้อมูลจากหนังสือซึ่งถูกตีพิมพ์อย่างเป็นทางการเล่มหนึ่งที่ระบุว่า สวี “ต่อรองกับคณะมนตรีแห่งรัฐ (State Council) อยู่นานหลายปีเพื่อร้องขอเงินชดเชย แต่รัฐบาลปักกิ่งยืนยันว่าจะจ่ายคืนให้แค่ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นราคาประมูลเรือเท่านั้น” และไม่มีการระบุว่าได้จ่ายแล้วหรือยัง
แหล่งข่าวซึ่งทราบที่มาที่ไปของการจัดซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงบอกกับเซาธ์ไชนามอร์นิงโพสต์ว่า สวี ถูกปล่อยให้แบกรับภาระค่าใช้จ่าย เพราะเจ้าหน้าที่กองทัพเรือซึ่งติดต่อให้เขาเป็นนายหน้าได้เสียชีวิต หรือไม่ก็ถูกจำคุกอยู่
สวี ยอมรับว่า “ผมไม่เคยรู้สึกโล่งใจขนาดนี้ จนกระทั่งมันถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพเรืออีก 12 ปีให้หลัง คล้ายกับว่าผมได้เห็นลูกตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่ และแต่งงานมีครอบครัว”