เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษเริ่มต้นการพูดคุยนาน 2 วันที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (15) โดยทางผู้นำอังกฤษให้คำมั่นว่าจะมีความคืบหน้าในเรื่อง “ภัยคุกคามใหม่” ของความมั่นคงทางไซเบอร์ออกมา
คาเมรอนได้อ้างอิงถึงการโจมตีทางไซเบอร์ต่อบริษัท โซนี่ พิกเจอร์ เมื่อเร็วๆนี้ที่ทางสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือในวิดีโอที่ถูกโพสต์ขึ้นเพียงไม่นานก่อนการพูดคุยดังกล่าว
“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่อังกฤษและอเมริกาจะร่วมมือกันและปฏิบัติงานร่วมกันอย่างเต็มที่” คาเมรอน กล่าวในคลิปวิดีโอดังกล่าวที่โพสต์อยู่บนหน้าทวิตเตอร์ของเขา
“เรากำลังจะออกคำประกาศบางอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับวิธีที่เราจะปกป้องธุรกิจและประชาชนของเราให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ชนิดใหม่” เขากล่าว
ผู้นำทั้งสองคาดว่าจะหารือกันเรื่องความพยายามต่อต้านก่อการร้ายร่วมกันระหว่างการพูดคุยครั้งนี้ ที่มีขึ้นท่ามกลางกระแสจากการโจมตีในฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
พวกเขาเขียนบทบรรณาธิการร่วมในหนังสือพิมพ์ เดอะไทมส์ ของเมืองผู้ดี ที่ถูกตีพิมพ์เมื่อวันพุธ (14) โดยให้คำมั่นว่าจะเผชิญหน้าเคียงข้างกันต่อต้านพวกหัวรุนแรงอิสลาม หลังจากกลุ่มมือปืนแนวคิดสุดโต่งก่อเหตุสังหารคน 17 คนทั้งในและนอกกรุงปารีสในช่วงสามวันของสัปดาห์ที่แล้ว
จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ทั้งสองรัฐบาลจะพูดถึงประเด็นนี้ โดย เออร์เนสต์กล่าวว่า “ผมมีความมั่นใจว่าความร่วมมือต่อต้านก่อการร้ายอันแนบแน่นที่เรามีกับสหราชอาณาจักรจะได้รับการหยิบยกมาหารือ”
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ คาเมรอนกล่าวย้ำถึงเจตนารมณ์ของเขาที่จะยกระดับการสอดส่องผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย
ประเด็นเรื่องความร่วมมือต่อต้านก่อการร้ายจากบริษัทออนไลน์ยักษ์ใหญ่ อย่าง เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ หรือกูเกิล และวิธีที่อาจช่วยปรับสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงก็อาจถูกหยิบยกมาหารือด้วย
ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องอ่อนไหวในสหรัฐ ภายหลังที่ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน เปิดโปงโครงการรวบรวมข้อมูลอ่อนไหวของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) ของสหรัฐฯ โดยการปฏิรูปกลวิธีการสอดส่องของรัฐบาลในสหรัฐฯ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ