เอเอฟพี - เรือของกองทัพเรือสิงคโปร์เมื่อวันพุธ (14 ม.ค.) พบตำแหน่งลำตัวหลักของเครื่องบินแอร์เอเชียที่ประสบอุบัติเหตุดิ่งสู่ทะเลชวาเมื่อเดือนก่อนแล้ว เพิ่มความหวังว่าน่าจะเจอร่างไร้วิญญาณของเหยื่อผู้เสียชีวิต 162 ศพเกือบทั้งหมด
ภาพถ่ายใต้น้ำเผยให้เห็นส่วนลำตัวของเครื่องบินที่อยู่ในสภาพแตกหักและบางส่วนของปีกเที่ยวบิน QZ8501 ที่ดิ่งลงสู่ทะเลเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ท่ามกลางพายุ ระหว่างเดินทางจากเมืองสุราบายาของอินโดนีเซียมุ่งหน้าสู่สิงคโปร์
การค้นพบส่วนลำตัวหลักของเครื่องบินถือเป็นข่าวดีรอบล่าสุดของปฏิบัติการค้นหาอันยืดยาวในน่านน้ำของอินโดนีเซียที่ถูกเหนี่ยวรั้งโดยสภาพอากาศอันเลวร้าย โดยจนถึงตอนนี้เพิ่งกู้ร่างไร้วิญญาณของผู้เสียชีวิตได้เพียง 50 ศพ ด้วยเชื่อว่าเหยื่อส่วนใหญ่ติดอยู่ในลำตัวหลักของแอร์บัส 320-200
ลำตัวหลักของเครื่องบินถูกพบหลังจากเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเก็บกู้กล่องดำขึ้นมาได้ครบทั้ง 2 กล่อง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยทีมสืบสวนสรุปถึงสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้
นายอึ้ง เอง เฮน รัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์เปิดเผยในเฟซบุ๊กว่าได้รับแจ้งว่า เอ็มวี สวิฟท์เรสคิวหนึ่งในเรือของกองทัพเรือสิงคโปร์ที่เข้าร่วมในการค้นหาเดินทาง ถึงจุดที่พบลำตัวเครื่องบินในทะเลชวาเรียบร้อยแล้ว โดยซากลำตัวมีความยาว 26 เมตรและถูกพบห่างจากจุดที่เจอส่วนหางก่อนหน้านี้ราว 2 กิโลเมตร
ด้าน นายบัมบัง โซลิสต์โย หัวหน้าทีมค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติอินโดนีเซียบอกว่าทีมนักประดาน้ำจะลงไปสำรวจส่วนลำตัวของเครื่องบินในวันพฤหัสบดี (15 ม.ค.) “ตอนนี้มันมืดแล้ว ดังนั้น เราจึงจะดำน้ำลงไปในตอนเช้าพรุ่งนี้ โดยมีเป้าหมายคือค้นหาร่างเหยื่อที่อาจยังอยู่รอบๆหรือติดอยู่ภายในลำตัว แต่หากนักประดาน้ำเจอความยุ่งยาก มาตรการต่อไปก็คือยกลำตัวและปีกขึ้นมาเลย” เขากล่าวพร้อมเผยว่าพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 2 ศพ ในวันพุธ (14 ม.ค.) ทำให้ยอดรวมศพที่กู้มาได้รวมเป็น 50 ศพ
ในส่วนของกล่องดำทั้ง 2 กล่องที่ถูกเก็บกู้ขึ้นมาได้ก่อนหน้านี้ ได้ถูกลำเลียงขึ้นเครื่องส่งไปถึงกรุงจาการ์ตาแล้ว เพื่อให้คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติอินโดนีเซีย นำการสืบสวนหาต้นตอของอุบัติเหตุ ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญนานาชาติไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสและสหรัฐฯ
หน่วยงานพยากรณ์อากาศของอินโดนีเซีย บอกว่า สภาพอากาศเลวร้ายอาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ แต่มีเพียงกล่องดำเท่านั้นที่สามารถให้คำตอบได้อย่างเฉพาะเจาะจง
คณะสืบสวนได้เริ่มกู้ข้อมูลจากกล่องบันทึกการบินทั้ง 2 และเปลี่ยนมันสู่รูปแบบที่ใช้การได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนที่กระบวนการวิเคราะห์ที่ยาวนานจะเริ่มต้นขึ้น โดยทางคณะกรรมการด้านการขนส่งแห่งชาติบอกว่ารายงานเบื้องต้นของอุบัติเหตุน่าจะมีออกมาภายใน 1 เดือน แต่รายงานสรุปสุดท้ายคงใช้เวลามากกว่า 1 ปี
ที่ท่าเรือใกล้เมืองปังกาลันบุน ที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการค้นหาบนเกาะบอร์เนียว ทีมสืบสวนอินโดนีเซียและฝรั่งเศส ได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบส่วนหางของเครื่องบิน ที่ถูกยกขึ้นจากน้ำเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน
ก่อนเทคออฟ นักบินของเครื่องแจ้งขออนุญาตบินในระดับความสูงที่สูงกว่าเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงพายุ แต่คำร้องขอไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากมีเครื่องบินลำอื่นๆบินอยู่เหนือเขาในเส้นทางการบินที่พลุกพล่าน นักบินผู้มากประสบการณ์พูดในบทสนทนาครั้งสุดท้ายราว 40 นาที หลังจากขึ้นบิน ว่าต้องการเบี่ยงเส้นทางเพื่อหลบพายุ แต่จากนั้นการสื่อสารทั้งหมดก็ถูกตัดขาด
ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นชาวอินโดนีเซีย โดยมีเพียง 7 คนที่เป็นคนสัญชาติอื่น อันประกอบด้วยเกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย อังกฤษ และ ฝรั่งเศส
