เอเอฟพี – สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส เสด็จมาถึงศรีลังกาแล้วในวันนี้ (13) พร้อมตรัสเรื่องสันติภาพและการปรองดองท่ามกลางความเชื่อที่แตกต่างกันบนประเทศเกาะที่ยับเยินจากสงครามแห่งนี้ ขณะที่พระองค์ทรงเริ่มต้นการเดินทางเยือนประเทศแถบเอเชีย 2 ชาติ
การเสด็จเยือนของพระองค์ ซึ่งมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่อันน่าประหลาดใจของศรีลังกาจบลง จะให้ความสำคัญกับความเป็นเอกภาพในประเทศที่ยังคงพยายามเยียวยาบาดแผลจากสงครามกลางเมืองที่ยาวนานหลายสิบปี ซึ่งเป็นการสู้รบกันระหว่างทหารของรัฐบาลกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนชาวทมิฬ
การเสด็จเยือนเอเชียเป็นครั้งที่สองของสมเด็จพระสันตะปาปาชาวอาร์เจนตินาพระองค์นี้ ก็จะมีฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นฐานของศาสนาคริสต์ในภูมิภาคนี้ เป็นจุดหมายปลายทางด้วย โดยที่ประเทศนี้ พระองค์ทรงเตรียมที่จะเป็นศูนย์กลางของหนึ่งในการรวมตัวกัน ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นประมุขแห่งศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก
อย่างไรก็ตามในศรีลังกาประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ซึ่งมีการพบเห็นความรุนแรงทางศาสนาพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ พระองค์จะให้ความสำคัญกับบทบาทของนิกายคาทอลิกในสังคมอันหลายหลาย
จากประชากร 20 ล้านคนของประเทศมีผู้ที่เป็นชาวคริสต์คาทอลิกเพียง 6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่นิกายนี้ถูกมองว่าเป็นกลุ่มพลังร่วม เพราะว่ามันประกอบด้วยผู้คนจากทั้งกลุ่มชาติพันธุ์สิงหลที่เป็นชนหมู่มากและชนกลุ่มน้อยทมิฬ
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ทรงทักทายกับ ไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีคนใหม่ของศรีลังกาหลังลงมาจากเครื่องบิน ก่อนที่จะทรงได้พบปะกับผู้นำชาวพุทธ , ฮินดู และมุสลิมในกรุงโคลอมโบ
สิริเสนาให้คำมั่นว่าจะปกป้องเสรีภาพทางศาสนาและยืนยันถึงการมีวัฒนธรรมใหม่แห่งการการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นในประเทศเกาะแห่งนี้ ซึ่งได้รับความเสียหายใหญ่หลวงจากความขัดแย้งนาน 37 ปีที่สิ้นสุดลงในปี 2009
ในวันพุทธ (14) พระสันตะปาปาจะทรงจัดพิธีมิสซาหมู่บริเวณชายทะเล ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดผู้คนเข้าร่วมราวหนึ่งล้านคนระหว่างที่พระองค์จะทรงประกาศให้หมอสอนศาสนาช่วงศตวรรษที่ 17 ท่านหนึ่ง เป็นนักบุญคนแรกของศรีลังกาอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ พระองค์ยังจะเสด็จเยี่ยมเยือนโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่งในป่าทึบที่อยู่บริเวณแนวหน้าของความขัดแย้งที่คร่าชีวิตคนไปราว 100,000 คน
โบสถ์พระแม่มาธู (Our Lady of Madhu) ในภาคเหนือของประเทศนี้ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวทมิฬได้ให้ที่หลบภัยระหว่างช่วงการต่อสู้ และตอนนี้เป็นจุดหมายของการจาริกแสวงบุญสำหรับชาวคริสต์จากทั้งสองกลุ่มชาติพันธุ์