xs
xsm
sm
md
lg

ครู 2 พี่น้อง “กูอาชี” มือสังหาร 12 ศพปารีส “เปิดใจ” ตอนเด็กน่ารัก - หลงใหลฟุตบอลกว่าศาสนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซาอิด และเชริฟ กูอาชี สองพี่น้องที่ก่อเหตุกราดยิงที่สำนักงานนิตยสาร ชาร์ลี เอ็บโด ในกรุงปารีส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (7 ม.ค.)
เอเจนซี - ครูคนหนึ่งของสองพี่น้อง “กูอาชี” ที่ควงปืนอาก้าบุกกราดยิงในกรุงปารีสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเล่าว่า สมัยเรียนทั้งสองเป็นเด็กที่สนอกสนใจในกีฬาลูกหนังมากกว่าศาสนา แต่พวกเขาก็ทึ่มเกินกว่าจะถอยห่างจากกลุ่มหัวรุนแรง หลังอำลารั้วโรงเรียนไปแล้ว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซาอิด วัย 34 ปี และเชริฟ กูอาชี วัย 32 ปีได้ก่อเหตุสังหารหมู่เหยื่อ 12 คน กลางกรุงปารีส แล้วหลบหนีไปยังย่านธุรกิจแห่งหนึ่ง ที่พวกเขาประกาศว่าพร้อมจะ “พลีชีพเพื่อศาสนา” ก่อนจะถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม

อย่างไรก็ตาม ครูคนหนึ่งที่เคยช่วยเลี้ยงดูเด็กชายกำพร้าทั้งสองคน ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในหมู่บ้านตากอากาศแตรนญาค บรรยายว่าทั้งสองเป็นเด็กที่ร่าเริงสนุกสนาน เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง และน่าเชื่อถือ แต่แทบจะไม่มีความสนใจในศาสนาเลย

เมื่อปี 1984 ซาอิด และเชริฟ ซึ่งเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-แอลจีเรีย ถูกแม่พาไปฝากไว้ที่ศูนย์โมเนดิแอรส์ ในแคว้นมาสซิฟที่มีทัศนียภาพสวยงาม หลังสามีของเธอมาด่วนจากไปอย่างกะทันหัน

ทันทีที่ทั้งสองเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงดูเด็กๆ ที่ต้องการเอาใจใส่จากสังคมเป็นพิเศษ พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ปลีกตัวจากโลกภายนอก แล้วหันไปทุ่มเทเวลาให้กับกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลที่พวกเขาหลงใหล แต่ก็ยังไปเข้าเรียนเป็นประจำสม่ำเสมอ

ฟรองซวส รงเฟต์ อาจารย์วิชาชีววิทยาที่ปลดเกษียณแล้ว รู้สึกเอ็นดูเชริฟมากเป็นพิเศษ โดยเธอบอกว่า ถึงแม้ลูกศิษย์คนนี้จะไม่ได้มีสติปัญญาเฉียบแหลมมากมายอะไร แต่ก็เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน

เธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับซาอิด ผู้เป็นพี่ชายเท่าไร แต่ก็บอกได้ว่าเขาไม่ใช่เด็กฉลาด ในบรรดาสองศรีพี่น้อง เขาเป็นคนเดียวที่เธอเห็นว่าเคยละหมาด แต่เธอบอกว่า ศาสนาไม่ใช่สิ่งที่มีอิทธิพลต่อช่วงชีวิตวัยเด็กของเขามากนัก

ขณะที่เด็กชายทั้งสองยังศึกษาเล่าเรียน แม่ของพวกเขาก็ด่วนเสียชีวิตไปอีกคน ทำให้พวกเขาไม่หลงเหลือบ้านให้กลับไปเมื่ออายุครบ 18 ปี พวกจึงย้ายไปอาศัยด้วยกันที่อพาร์ตเมนต์ในเขต 19 ซึ่งเป็นย่านผู้มีรายได้ต่ำของกรุงปารีส จากนั้นพวกเขาก็เข้าสู่วังวนของยาเสพติด และเริ่มก่ออาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะถูกดึงเข้าแก๊งอันธพาลบุตต์โชมงต์

อเมดี กูลิบาลี ชายวัย 32 ปีที่ก่อเหตุจับตัวประกันในซูเปอร์มาร์เก็ตยิวเมื่อวันศุกร์ (9) ก็เป็นสมาชิกแก๊งดังกล่าว ที่มีหัวหน้าเป็นสองอิหม่ามหัวรุนแรง โดยหนึ่งในหัวหน้าแก๊งคือ ฟาริด เบนเยตู อดีตภารโรงที่ผันตัวไปเป็นอิหม่าม เขาปลูกฝังคติหัวรุนแรงแก่เด็กหนุ่มทั้งสอง และพร่ำบอกพวกเขาว่า การทำญิฮาดคือหนทางในการได้ใกล้ชิดพระเจ้า

“สำหรับคนพี่ที่ชื่อซาอิด เป็นเด็กที่หัวทึบมาก ฉันคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นเขาละหมาด ขณะเห็นภาพของพวกเขาทางโทรทัศน์ ดิฉันตกตะลึงมากที่เด็กสองคนนี้กล้าทำเรื่องแบบนั้น”

เมื่อปี 2005 พี่น้องคู่นี้เคยถูกตำรวจซักว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งบุตต์โชมงต์อย่างไร ภายหลังที่ขบวนการนี้เริ่มส่งคนหนุ่มไปอิรัก โดยที่คนเหล่านั้นไม่ได้กลับมาอีกเลย

แต่ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตั้งข้อหากับทั้งสองคนอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งเมื่อปี 2008 เชริฟถูกนำตัวขึ้นศาลอีกครั้ง หลังถูกรวบตัว ขณะพยายามขึ้นเครื่องบินไปกรุงดามัสกัส ของซีเรีย พร้อมกับคู่มือการใช้ปืนอาก้า

ในปีเดียวกันนั้นเอง เชริฟ ซึงแต่งงานกับหญิงชื่อ อิซซานา ฮามิด ถูกสั่งจำคุก 3 ปี แต่ก็พ้นโทษออกมาหลังรับโทษไปเพียง 18 เดือน

ภายหลังได้รับอิสรภาพ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองแดนน้ำหอมก็สามารถถ่ายภาพเขาไว้ได้ ระหว่างลอบสะกดรอย จาเมล เบกาล อิหม่ามหัวรุนแรงคนหนึ่ง ที่หน่วยปกครองท้องถิ่นมูรัต ทางภาคกลางของฝรั่งเศส เมื่อเดือนเมษายน ปี 2010

แม้ว่าจะถูกล้างสมองให้กลายเป็นพวกหัวรุนแรง แต่ก็ดูเหมือนว่า เขาจะยังไม่ทิ้งความหลงใหลที่ตนเองมีต่อกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถบันทึกภาพขณะเขาเตะบอล กับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงอีก 3 คน

ต่อมาในปีเดียวกันนั้นเอง เชริฟถูกจับกุมเป็นครั้งที่ 3 ฐานวางแผนช่วย ซาแมง อาลี เบลกาเซม แหกคุก หลังจากชายคนดังกล่าวถูกสั่งจำคุกตลอดชีวิต ฐานลอบวางระเบิดสถานีรถไฟในกรุงปารีส เมื่อปี 1995

ในเวลานั้น ตำรวจได้ระบุชื่อของ ซาอิด ในสำนวนฟ้องด้วย แม้ว่าต่อมาเจ้าหน้าที่จะตัดสินว่า ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะตั้งข้อหากับคนทั้งคู่ก็ตาม

นับแต่นั้นมาก็แทบไม่มีใครทราบข่าวคราวของสองพี่น้องกูอาชี จนกระทั่งเขาบุกจู่โจมสำนักงานของนิตยสารรายสัปดาห์แนวเสียดสีประชดประชัน “ชาร์ลี เอ็บโด” ก่อนจะกราดยิงคนตายไป 12 รายเมื่อวันพุธที่แล้ว (7)

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของฝรั่งเศสชี้ว่า เมื่อปีที่แล้ว สองพี่น้องอาจเดินทางไปซีเรีย และเชื่อว่าทั้งสองอาจเดินทางไปฝึกวิชาสู้รบที่เยเมน ขณะเข้าร่วมกับกลุ่มอัลกออิดะห์แห่งคาบสมุทรอาหรับ

เชื่อกันว่า ขณะนั้น เชริฟมีลูกอย่างน้อยหนึ่งคน ขณะที่ซาอิดแต่งงานกับซูมยา บูอาร์ฟา ที่กรุงปารีส เมื่อปี 2012 และมีลูกอย่างน้อย 2 คน


กำลังโหลดความคิดเห็น