เอเจนซีส์ – ประชาชนกว่าล้านคนรวมทั้งผู้นำหลายสิบประเทศจากทั่วโลก เข้าร่วมการชุมนุมเดินขบวนในกรุงปารีสวันอาทิตย์ (11 ม.ค.) เพื่อแสดงพลังต่อต้านลัทธิหัวรุนแรงสุดโต่ง หลังเกิดเหตุมือปืนอิสลามิสต์ก่อการโจมตีฝรั่งเศสในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาซึ่งสังหารเหยื่อไปรวมทั้งสิ้น 17 คนพร้อมกับคนร้าย 3 ราย ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวในตุรกีเปิดเผยว่าภรรยาของมือปืนรายหนึ่งที่ยิงตาย และทางการแดนน้ำหอมกำลังตามล่าตัวอยู่นั้น ไปหลบหนีเข้าไปกบดานในซีเรียเสียแล้ว
ในการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผู้นำทั้งของอิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างจะเข้าร่วมการเดินขบวนใหญ่ในเมืองหลวงของฝรั่งเศสคราวนี้ เพื่อแสดงความเคารพต่อเหยื่อการนองเลือดในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งชาวยิวหลายรายและตำรวจมุสลิม 1 นายเสียชีวิต
ปารีสเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขึ้นมาอย่างเข้มข้น หลังเกิดเหตุมือปืนอิสลามิสต์ 2 คนพี่น้องบุกกราดยิงสำนักงานนิตยสารแนวเสียดสี “ชาร์ลี เอ็บโด” เมื่อวันพุธ (7) และมือปืนอิสลามิสต์อีกคนหนึ่งบุกจับตัวประกันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของชาวยิวในวันศุกร์ (9) ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งสองจะปิดฉากลงอย่างนองเลือด นอกจากนั้นยังสั่งเพิ่มกำลังอารักขาการชุมนุมเดินขบวนในวันอาทิตย์เป็นพิเศษอีกกว่า 2,000 คน ซึ่งรวมถึงพลซุ่มยิงตลอดเส้นทางการเดินขบวน
การเดินขบวนในวันอาทิตย์ คาดหมายกันว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 1 ล้านคน หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ (10) ก็ได้มีการชุมนุมเดินขบวนเกิดขึ้นตามเมืองต่างๆ ทั่วฝรั่งเศส โดยที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 700,000 คน นายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ ของแดนน้ำหอม กล่าวระหว่างเข้าร่วมการเดินขบวนวันเสาร์ แสดงความเชื่อมั่นว่า ในวันอาทิตย์พลเมืองนับล้านจะออกมาแสดงความมุ่งมั่นต่อเสรีภาพและความสมัครสมานสามัคคีของพี่น้องร่วมชาติ
นอกจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอล และประธานาธิบดีมามูด แอบบาสแห่งปาเลสไตน์แล้ว ยังมีกษัตริย์และพระราชินีจากจอร์แดน รวมทั้งผู้นำระดับสูงจากยุโรป ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี และนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ร่วมเดินขบวนในวันอาทิตย์ด้วย
อย่างไรก็ดี ในส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ นั้น จัดส่งอีริก โฮลเดอร์ รัฐมนตรียุติธรรมเดินทางไปแทน และโฮลเดอร์จะร่วมการประชุมฉุกเฉินกับรัฐมนตรีมหาดไทยยุโรป เกี่ยวกับภัยคุกคามจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงด้วย
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์แห่งฝรั่งเศส ที่จะเป็นผู้นำการกล่าวไว้อาลัยเหยื่อความรุนแรงระลอกล่าสุด เตือนว่าฝรั่งเศสต้องไม่ชะล่าใจต่อแนวโน้มการโจมตีระลอกใหม่
การก่อเหตุนองเลือดในฝรั่งเศสเป็นเวลา 3 วันโดยฝีมือของมือปืน 3 คนซึ่งอ้างตนเองเป็นสมาชิกของกลุ่มอัลกออิดะห์ในเยเมน และกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) คราวนี้ ยังติดตามมาด้วยการข่มขู่คุกคามครั้งใหม่จากกลุ่มอัลกออิดะห์บนคาบสมุทรอาหรับ (เอคิวเอพี)
ฮาริต อัล-นาดารี เจ้าหน้าที่อาวุโสสูงสุดด้านกฎหมายอิสลามของกลุ่มเอคิวเอพี ที่มีฐานอยู่ในเยเมน กล่าวในคลิปวิดีโอที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ของ “SITE” ซึ่งเป็นกลุ่มติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้าย มีเนื้อหาเตือนฝรั่งเศสให้ยุติความก้าวร้าวต่อชาวมุสลิม ไม่เช่นนั้นจะถูกโจมตียิ่งกว่านี้อีก
ทั้งนี้สำนักข่าวเอพีรายงานในวันศุกร์ (9) อ้างสมาชิกผู้หนึ่งของ AQAP ระบุว่า การโจมตีในฝรั่งเศสคราวนี้ทาง AQAP เกี่ยวข้องพันพัวด้วย ทว่าสำนักข่าวเอเอฟพีตลอดจนสำนักข่าวอื่นๆ บอกว่า หากพิจารณาเฉพาะจากคลิปคำแถลงของ อัล-นาดารี เห็นได้ชัดว่า เขายังหลีกเลี่ยงไม่มีการประกาศตนอ้างความรับผิดชอบการโจมตีเหล่านี้
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ บิลด์ ของเยอรมนี ฉบับวันอาทิตย์รายงานว่า เหตุนองเลือดในฝรั่งเศสอาจเป็นสัญญาณการเริ่มต้นการโจมตีในยุโรป โดยอ้างอิงการติดต่อสื่อสารของพวกผู้นำไอเอส ที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา (เอ็นเอสเอ) ดักฟังได้
ทั้งนี้ เหตุการณ์โจมตีของผู้ก่อการร้ายในฝรั่งเศสระลอกนี้ เริ่มต้นขึ้นในวันพุธ (7) เมื่อสองพี่น้อง เชรีฟ และซาอิด คูอาชี บุกเข้าไปในสำนักงานของชาร์ลี เอ็บโด และสาดกระสุนใส่ห้องประชุมกองบรรณาธิการ ทำให้นักเขียนการ์ตูนชื่อดังกลุ่มหนึ่งของฝรั่งเศส เสียชีวิต
จากนั้น มือปืนพี่น้องยังจ่อยิงตำรวจมุสลิมผู้หนึ่งที่ถูกยิงบาดเจ็บบนทางเท้าจนเสียชีวิต เป็นการจุดชนวนการไล่ล่าซึ่งดำเนินอยู่นานกว่า 48 ชั่วโมง
ในวันพฤหัสบดี (8) มือปืนคนที่สามที่ชื่อ อาเมดี กูลิบาลี ได้ยิงตำรวจหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตแถบชานเมืองด้านใต้ของปารีส
การไล่ล่าอย่างขนานใหญ่ของทางการฝรั่งเศส ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นเหตุการณ์จับตัวประกัน 2 กรณีที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกซึ่งเฝ้าติดตามอยู่พากันขวัญระทึก
โดยในวันศุกร์ (9) ตำรวจพบสองพี่น้องคูอาชีและขับรถไล่ล่าจนกระทั่งมือปืนคู่นี้บุกเข้าไปในบริษัทสิ่งพิมพ์เล็กๆ แห่งหนึ่งทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของปารีส และจับตัวประกันไว้คนหนึ่ง
แต่ในขณะที่ทั่วโลกเกาะติดสถานการณ์ในบริษัทสิ่งพิมพ์แห่งนั้น กูลิบาลี ก็บุกเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตของชาวยิวแห่งหนึ่งทางตะวันออกของปารีส และจับลูกค้ากลุ่มหนึ่งเป็นตัวประกัน
วิกฤตตัวประกันทั้งสองเหตุการณ์ถึงบทสรุปด้วยการที่พี่น้องคูอาชี พยายามหนีออกจากตึกและถูกหน่วยคอมมานโดวิสามัญฆาตกรรม
ในเวลาไล่เลี่ยกัน กองกำลังความมั่นคงบุกเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตและสังหารกูลิบาลี ก่อนพบว่า ตัวประกันชาวยิว 4 คนได้ถูกฆ่าตายก่อนหน้านั้น
จากเหตุการณ์เหล่านี้ ฝรั่งเศสสั่งปรับการเตือนภัยก่อการร้ายในปารีสเป็นระดับสูงสุด ขณะที่เจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังพิจารณาว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายหัวรุนแรงขนาดใหญ่หรือไม่
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สอบสวนยังตามล่า ฮายัต บูเมดีน ภรรยาวัย 26 ปีของกูลิบาลี ที่สงสัยว่ามีส่วนในการสังหารตำรวจหญิง พร้อมประกาศเตือนว่า หญิงผู้นี้ “มีอาวุธและเป็นบุคคลอันตราย”
อย่างไรก็ดี ล่าสุด แหล่งข่าวในหน่วยงานความมั่นคงของตุรกีเปิดเผยว่า บูเมดีนเดินทางถึงตุรกีตั้งแต่วันที่ 2 เดือนนี้และน่าจะข้ามไปซีเรียแล้ว
เหตุการณ์โจมตีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถือเป็นเหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศสในช่วงเวลากว่าครึ่งศตวรรษ และทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดมือปืนจึงสามารถเล็ดลอดการติดตามของหน่วยข่าวกรองแดนน้ำหอม
วาลส์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ยอมรับว่าการปฏิบัติการข่าวกรอง “ล้มเหลวอย่างชัดเจน”
เชรีฟ คูอาชี วัย 32 ปี เป็นนักรบญิฮัดซึ่งเป็นที่รู้จัก และเคยต้องโทษนาน 18 เดือนเมื่อปี 2008 จากการมีส่วนร่วมในการจัดส่งนักรบไปร่วมทำสงครามญิฮัดในอิรัก ขณะที่ซาอิด วัย 34 ปี เคยเดินทางไปฝึกอาวุธกับเอคิวเอพีในเยเมนเมื่อปี 2011 และหลังเกิดเรื่องจึงมีรายงานว่า ชายผู้นี้ถูกอเมริกาขึ้นบัญชีดำในฐานะผู้ก่อการร้ายที่ต้องเฝ้าติดตามมาหลายปี
ส่วนกูลิบาลี วัย 32 ปี ที่รู้จักกับเชรีฟในคุก ถูกตัดสินจำคุก 5 ปีเมื่อปี 2013 จากการพยายามช่วยสเมน อิต เบลกาเซม ซึ่งเป็นอิสลามิสต์ชาวแอลจีเรีย ในการแหกคุกแต่ไม่สำเร็จ