เอเอฟพี - ภายหลังที่ต้องเผชิญกับคลื่นผู้ลี้ภัยที่ไหลทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมหาศาล ในที่สุดวานนี้ (5 ม.ค.) เลบานอนก็ตัดสินใจกำหนดให้ชาวซีเรียทุกคนที่ต้องการข้ามพรมแดนเข้าสู่เลบานอนต้องยื่นขอ “วีซ่า” ไม่เว้นแม้แต่ชาวซีเรียที่พลัดถิ่นหนีภัยสงครามกลางเมืองมาจากประเทศบ้านเกิด
แหล่งข่าวในสำนักงานความมั่นคงใหญ่ของเลบานอนระบุว่า “วันนี้เราเริ่มบังคับใช้มาตรการเข้าเมืองรูปแบบใหม่ และชาวซีเรียที่ประสงค์จะเดินทางเข้าเลบานอน ได้เริ่มแสดงเอกสารขอเข้าเมืองแล้ว”
วานนี้ (5) นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ชาวซีเรียต้องยื่นคำร้องขอวีซาก่อนเดินทางเข้าเลบานอน หลังจากที่ทั้งประชาชนในสองประเทศสามารถเดินทางข้ามพรมแดนได้อย่างเสรี โดยมาตรการนี้ถูกประกาศใช้ในยามที่เลบานอนกำลังดิ้นรนรับมือกับคลื่นผู้ลี้ภัยชาวซีเรียกว่า 1.1 ล้านคน
ทั้งนี้ การไหลบ่าเข้ามาของผู้อพยพได้กลายเป็นบททดสอบอันท้าท้ายสำหรับทรัพยากรของเลบานอนที่มีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่สถานการณ์ความมั่นคงในประเทศนี้เริ่มเสื่อมถอยลงไปทุกที
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเลบานอนพยายามส่งสัญญาณเตือนภัยให้ทั่วโลกรับรู้ พร้อมกับกล่าวเตือนประชาคมนานาชาติว่า ประเทศนี้ไม่สามารถอ้าแขนรับผู้ลี้ภัยจำนวนมหาศาลที่ไหลบ่าเข้ามาได้อีกต่อไป
เมือเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ราชิด เดอร์บาส รัฐมนตรีกระทรวงกิจการสังคมกล่าวว่า เลบานอนจะปิดประตูสกัดผู้พลัดถิ่นชาวซีเรีย โดยขอสงวนสิทธิไว้สำหรับเหตุผลด้านมนุษยธรรมเท่านั้น
เขากล่าวกับเอเอฟพีว่า หลักเกณฑ์การตรวจลงตราที่เลบานอนเพิ่งประกาศใช้ออกไปนั้นมีเจตจำนงเพื่อจำกัดปริมาณคลื่นผู้ลี้ภัยระลอกใหม่ในอนาคต
“เป้าหมายของเราคือการป้องกันไม่ให้ (ชาวซีเรีย) เข้ามาขอลี้ภัย” ในเลบานอน และ “เพื่อควบคุมการเดินทางเข้ามาของชาวซีเรียให้เข้มงวดกวดขันมากขึ้น”