เอเจนซีส์ - การดำน้ำค้นหาร่างผู้โดยสารเที่ยวบิน 8501 ของสายการบินแอร์เอเชียเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หลังจากต้องหยุดพักไปเพราะสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เป็นอุปสรรค หลังจากพบร่างผู้เสียชีวิต 4 รายล่าสุดในวันอาทิตย์(4) ทำให้ยอดรวมพบศพผู้โดยสาร 34 คน แต่ยังมีผู้โดยสารอีก 128 คนที่ยังคงสูญหาย ในขณะที่ทางทีมกู้ภัยประสบความสำเร็จพบชิ้นส่วนขนาดใหญ่ชิ้นที่ 5 บนพื้นมหาสมุทรที่มีขนาดขนาดความยาว 9.8 ม. กว้าง 1.1 ม. และหนา 0.4 ม. ซึ่งเชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนจากตัวเครื่อง (fuselage) โดยล่าสุดมีการคาดว่า สภาพระบบระบายความร้อนอยู่ในสภาพเย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง “icing of the engine” อาจทำให้เครื่องยนต์ดับ และเป็นสาเหตุทำให้เครื่องบินตกในที่สุด
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(5)ว่า กลุ่มกู้ภัยทีมประดาน้ำกลับมาค้นร่างผู้เสียชีวิตอีก 128 คนที่ยังสูญหายจากเที่ยวบินแอร์เอเชีย 8501 หลังจากพบซากชิ้นส่วนขนาดใหญ่ชิ้นที่ 5 จากก้นมหาสมุทร ที่จับได้จากเครื่องโซนาร์ค้นหาของเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย ซึ่งแสดงความมั่นใจว่าต้องเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินเที่ยว 8501 แน่นอน
อย่างไรก็ตาม การทำงานของเจ้าหน้าที่ประดาน้ำนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องมาจากทัศนวิสัยในการมองใต้น้ำที่ไม่ชัด คลื่นแรง และสภาพน้ำที่ขุ่นบริเวณใกล้กับพื้นทะเลในจุดค้นหา แต่เชื่อกันว่าสภาพอากาศในวันนี้(5)จะดีขึ้น และทางทีมกู้ภัยจะพยายามค้นหาซากชิ้นส่วนต่างๆของลำตัวเครื่องบิน(fuselage)อีกครั้ง โดย Suryadi B. Supriyadi ผู้อำนวยการด้านปฎิบัติการของศูนย์ค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติของอินโดนีเซีย กล่าวว่า “หากยังไม่สามารถนำชิ้นส่วนเหล่านั้นขึ้นมาได้ด้วยทีมนักประดาน้ำ ทางเราจะใช้อุปกรณ์ล้ำสมัยที่สามารถค้นหาวัตถุใต้น้ำ และนำชิ้นส่วนเหล่านั้นขึ้นมาแทน”
แต่ทว่าในวันจันทร์(5) ทีมค้นหาอิเหนายังคงต้องหวังโชคจากสภาพภูมิอากาศต่อไป
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันอาทิตย์(4)มีการค้นพบร่างผู้โดยสารล่าสุดได้ 4 ร่างในวันที่ 8 ของการค้นหาที่ครอบคลุมบริเวณทะเลด้านตะวันตกเฉียงใต้ ห่างจากพังกาลันบัน เมืองเอกบนเกาะบอร์เนียว และได้ขยายพื้นที่การค้นหาไปทางตะวันออก เนื่องจากทางทีมงานเชื่อว่า คลื่นจะพัดให้ชิ้นส่วนซากถูกพัดพาไปทางนั้น และทำให้ยอดการพบร่างผู้โดยสารอยู่ที่ 34 รายล่าสุด ทั้งที้มีคนทั้งหมดอยู่บนเครื่องบินแอร์เอเชียเที่ยวบิน 8501ทั้งหมด 162 คน และเชื่อกันว่าไม่มีใครสามารถรอดชีวิตเพราะเชื่อกันว่า ในขณะเครื่องบินตก คนทั้งหมดติดอยู่กับที่นั่งผู้โดยสารที่มีเข็มขัดนิรภัยรัดไว้อย่างแน่นหนา
นอกจากนี้ ชิ้นส่วนขนาดใหญ่จำนวน 4 ชิ้นนั้นถูกพบในบริเวณใต้ทะเลชวา ใกล้เกาะบอร์เนียว และหลังจากนั้นไม่นาน มีการตรวจพบชิ้นส่วนเครื่องบินชิ้นที่ 5 จมอยู่ก้นพื้นทะเล ห่างออกไปจากจุดที่พบ 4 ชิ้นแรก โดยมีขนาดชิ้นส่วนความยาว 9.8 ม. กว้าง 1.1 ม. และหนา 0.4 ม. ทั้งนี้ฟรานซิสคุส บัมบัง โซลิสต์โย (Fransiskus Bambang Soelistyo ) หัวหน้าศูนย์ค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติของอินโดนีเซีย หรือ บาร์ซานาส ยืนยันการค้นพบชิ้นส่วนที่ 5 แต่เนื่องจากสภาพทัศนวิสัยที่เลวร้าย ประกอบกับคลื่นที่มีความแรงขนาด 3-5 น็อต ทำให้ที่ผ่านมาทีมกู้ภัยประดาน้ำอิเหนาต้องหยุดพักลงชั่วคราว
และทางอินโดนีเซียหวังว่าจะใช้อุปกรณ์ค้นหาใต้น้ำที่ควบคุมจากระยะไกลได้ในเร็ววันนี้เพื่อช่วยในการค้นหา เฮนรี บัมบัง โซลิสต์โย (Henry Bambang Soelistyo) ผู้อำนวยการ ศูนย์ค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติของอินโดนีเซียให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงชิ้นส่วนขนาดใหญ่สุดที่พบว่า มีขนาดความยาว 18 ม. และกว้าง 5.4 ม. ซึ่งคาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนลำตัวเครื่องบิน
ด้านเอเอฟพี รายงานเพิ่มเติมเมื่อวานนี้(4)ว่า หนึ่งในความเป็นไปได้สาเหตุที่ทำให้เครื่องบินโดยสารลำนี้ตกคือ “icing of the engine” หรือ น้ำแข็งเกาะตัวทำให้เครื่องยนต์ดับ เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยBMKG ศูนย์อุตุนิยมวิทยาอินโดนีเซียกล่าว “สืบเนื่องมาจากข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาในบริเวณที่เครื่องบินแอร์บัส A320-200 ส่งออกมาก่อนตกนั้น พบว่าสภาพอากาศมีส่วนทำให้เกิดเหตุน่าสลดนี้ขึ้น เพราะคาดกันว่าสภาพอากาศทำให้เกิดปรากฎการณ์น้ำแข็งเกาะขึ้น(icing) และส่งผลทำให้เครื่องยนต์ของเครื่องบินเสียหาย เพราะระบบระบายความร้อนอยู่ในสภาพเย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งถือว่าอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินเที่ยว 8501 ตก เมื่อพิจารณาจากข้อมูลทางภูมิอากาศที่ได้รับ” รายงานจากแถลงการณ์ของ BMKG ที่โพสต์บนเว็บไซต์ของหน่วยงานในวันอาทิตย์(4)
นอกจากนี้เอเอฟพียังรายงานเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เครื่องบินเที่ยว 8501 สามารถบินขึ้นได้อย่างไรจากจุดเริ่มต้นโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะก่อนจะนำเครื่องขึ้น นักบินประจำเครื่องบินแอร์บัส A320-200ได้ขออนุญาตเพื่อจะนำเครื่องบินไปที่ระดับความสูงที่มากกว่าเพื่อเลี่ยงพายุ แต่คำขอถูกปฎิเสธเนื่องจากมีเครื่องบินลำอื่นบินอยู่เหนือในขณะนั้น เนื่องจากเป็นเส้นทางการเดินทางอากาศที่มีการใช้อย่างคับคั่ง ซึ่งทางอินโดนีเซียประกาศจะสอบสวนถึงการละเมิดของแอร์เอเชียครั้งนี้ เนื่องจากเที่ยวบิน 8501 ขึ้นบินในกำหนดเที่ยวบินซึ่งไม่ได้รับอนุญาต ด้วยเหตุผลว่าแอร์เอเชียมีใบอนุญาตบินในเส้นทางดังกล่าวเฉพาะวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ แต่เที่ยวบินที่ประสบเหตุให้บริการในวันอาทิตย์
และในขณะนี้บริษัทแอร์เอเชียถูกห้ามไม่ให้ทำการบินเส้นทางสุราบายา-สิงค์โปร์ แต่เอเอฟพีชี้ว่า ในขณะเดียวกันศูนย์ควบคุมการบินพลเรือนสิงคโปร์กลับกล่าวว่า ได้อนุญาตให้เที่ยวบินมรณะ 8501 สามารถบินได้ในวันอาทิตย์เกิดเหตุ
