บีบีซี - แม้ว่าทางการอินโดนีเซียจะพยายามเปิดเผยข้อมูลในปฏิบัติการค้นหาเที่ยวบิน QZ8501 ของสายการบินแอร์เอเชีย ที่สูญหายไประหว่างออกเดินทางจากเมืองสุราบายา ของอินโดนีเซีย ไปยังสิงคโปร์ แก่ญาติของผู้โดยสารอย่างตรงไปตรงมา แต่คนที่นี่กลับดูคุ้นเคยกับความรู้สึกผิดหวังเช่นนี้เป็นอย่างดี คลิฟ มายรี ผู้สื่อข่าวของบีบีซีรายงานจากท่าอากาศยานนานาชาติสุราบายา
ชาวอินโดนีเซียมีความเชื่อเก่าแก่ว่า วิถีชีวิตในอินโดนีเซียเปรียบได้กับหนังตะลุง “วายังกูลิต” อันมีชื่อเสียงของประเทศ คือ ทุกสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็น มักจะมีพลังที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังฉากละคร และการปล่อยให้มันเป็นปริศนาอย่างนั้นดีอยู่แล้ว
เนื่องจากมายรี เคยเดินทางท่องเที่ยว และทำงานในประเทศนี้มานานหลายปี เธอจึงทราบดีว่า แนวคิดเช่นนั้นเป็นเพียงมายาคติของนักแต่งนวนิยาย และนักเขียนมากกว่าที่จะมาจากชีวิตจริง
ในความเป็นจริงแล้ว ชาวอินโดนีเซียเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา ปากตรงกับใจ และพูดจริงทำจริง ดังเห็นได้จากวิธีที่ แฮรี บัมบัง โซลิสตโย หัวหน้าสำนักงานค้นหาและช่วยชีวิตแห่งชาติอินโดนีเซีย ออกมากล่าวถึงภารกิจการค้นหาเที่ยวบิน QZ8501 ที่สูญหายไปตั้งแต่วันอาทิตย์ (28)
เขาชี้ว่า “มีความเป็นไปได้ที่เครื่องบินลำนี้จะจมอยู่ก้นทะเลแล้ว”
บางคนอาจคิดว่า การออกมาแถลงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นเช่นนี้ หลังจากอากาศยานลำนี้สูญหายไปได้เพียง 24 ชั่วโมง อาจเป็นการทำร้ายความรู้สึกของผู้อื่น
ญาติคนหนึ่งของผู้โดยสารและลูกเรือ 162 คนบนเครื่องบินลำนี้กล่าวว่า “แน่นอนว่า เรายังมีความหวัง และเราก็จะยังไม่ละทิ้งความหวังนี้ไปง่ายๆ”
เจ้าหน้าที่ชาวอินโดนีเซียต่างแสดงความรู้สึกในใจของตนเองออกมาอย่างชัดเจน
ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย ได้ออกมาปัดข่าวที่ว่า มีการพบเบาะแสเป็นคราบน้ำมัน และซากเครื่องบิน พร้อมสำทับว่า “เราต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมาว่า...จนถึงตอนนี้ เรายังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเครื่องบินลำนี้”
ขณะที่ญาติๆ บางส่วนยังคงตั้งความหวังรอคอยกันต่อไป คนอื่นๆ ก็เริ่มตระหนักได้ว่า บุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขาอาจไม่มีชีวิตรอดกลับมาพบหน้าพวกเขาอีกแล้ว
เป็นเรื่องน่าเจ็บปวดใจที่ชาวอินโดนีเซียเริ่มชาชินกับการมองโลกในแง่ดี ก่อนที่ความหวังของพวกเขาจะมลายไปเมื่อวันเวลาเริ่มผ่านไปนานเข้าๆ
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ต่างอะไรไปจากความรู้สึกของผู้ที่สูญเสียครอบครัว และญาติสนิทมิตรสหายไปกับคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 10 ปีก่อน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ภายหลังมีผู้สูญหายไปร่วมหลายหมื่นคน ความหวังที่จะได้พบผู้รอดชีวิตก็ค่อยๆ เลือนรางลงไปช้าๆ
กระนั้น พ่อของ อิริยันโต กัปตันผู้ควบคุมเครื่องบินแอร์เอเชียลำที่หายไป ก็อาจเป็นผู้ที่รับมือกับความทุกข์ระทมได้ดีที่สุดในหมู่ญาติพี่น้องลูกเรือและผู้โดยสาร อย่างน้อยสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือการปล่อยวาง
วานนี้ (29) เขากล่าวว่า อยากเห็นลูกชายรอดชีวิตกลับมา แต่หากเป็นไปไม่ได้ หรือหากไม่ใช่ประสงค์ของพระเจ้า ก็ต้องสุดแล้วแต่โชคชะตา
ลูกชายอีกคนของเขาเพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานเมื่อ 7 วันก่อน และเขามีโอกาสได้พบอิริยันโตเป็นครั้งสุดท้ายที่งานศพ
จนถึงตอนนี้ ยังไม่พบว่า ครอบครัวของผู้ที่สูญหายไปกับเครื่องบินลำนี้จะออกมาแสดงความโกรธแค้นเจ้าหน้าที่ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับกรณีเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่อันตรธานหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ในเวลานั้น มีครอบครัวของผู้โดยสารจำนวนมากรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่กำลังปิดบังข้อมูลบางอย่างไม่ให้พวกเขารับรู้ และทำงานอย่างไม่โปร่งใส แต่ความรู้สึกไม่พอใจเช่นนี้ก็อาจก่อตัวขึ้นในอินโดนีเซียขึ้นได้เหมือนกัน แม้ว่าตอนนี้ยังคงไม่มีสัญญาณออกมาให้เห็นก็ตาม