เอเอฟพี - ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไม่รับฟ้องกรณีประธานาธิบดี บารัค โอบามา ใช้อำนาจปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งช่วยให้ผู้อพยพไร้ทะเบียนหลานล้านคนในในอเมริกาไม่ต้องถูกเนรเทศ
เมื่อค่ำวานนี้(23) ผู้พิพากษา เบรีล เฮาเวลล์ ตัดสินไม่รับคำร้องของ โจเซฟ อาร์ไพโอ ผู้ปกครองเทศมณฑลแมริโคปา รัฐแอริโซนา ซึ่งต้องการเอาผิดประธานาธิบดีฐานฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ
“โจทก์ได้ตั้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับผลของการที่มีผู้อพยพหลั่งไหลเข้ามายังประเทศนี้ ซึ่งเป็นคำถามที่เข้าข่ายความคับข้องใจสาธารณะ (generalized grievances) ซึ่งไม่สมควรจะถูกนำมาพิจารณาในศาล” คำวินิจฉัยของผู้พิพากษา เฮาเวลล์ ระบุ
ด้านทำเนียบขาวได้ออกมาแถลงชื่นชมคำพิพากษาของศาลครั้งนี้
“การตัดสินใจของผู้พิพากษา เฮาเวลล์ สอดคล้องกับสิ่งที่กระทรวงยุติธรรมและนักวิชาการทั่วประเทศยืนยันแล้วว่า ประธานาธิบดีใช้อำนาจบริหารจัดการเรื่องคนเข้าเมืองโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย” เอริค ชุลต์ซ รองโฆษกทำเนียบขาวฝ่ายสื่อมวลชน แถลง
“ศาลสูงสุดและสภาคองเกรสระบุชัดเจนแล้วว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางสามารถกำหนดรายละเอียดสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองได้ และสิ่งที่ประธานาธิบดีทำก็สอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลจากทั้ง 2 พรรคการเมืองเคยใช้มาตลอดครึ่งศตวรรษ”
“ศาลวินิจฉัยถูกต้องแล้วที่ไม่รับคำร้องของ อาร์ไพโอ”
โอบามา ซึ่งสัญญาว่าจะแก้ไขกฎหมายคนเข้าเมืองอเมริกาที่ “ไร้ประสิทธิภาพ” ได้ใช้อำนาจประกาศแผนคุ้มครองผู้อพยพไร้ทะเบียน 5 ล้านคนจากการถูกเนรเทศ โดยผู้อพยพไร้ทะเบียนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือผู้ที่มีบุตรเป็นพลเมืองอเมริกันหรือผู้พำนักถาวร จะสามารถขอใบอนุญาตทำงานได้ 3 ปี
โอบามา ยังขยายขอบเขตกฎหมายที่ประกาศใช้เมื่อปี 2012 โดยอนุญาตให้ผู้อพยพไร้ทะเบียนที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ก่อนอายุ 16 ปีได้สิทธิ์เป็นผู้พำนักชั่วคราว
คำสั่งปฏิรูปของ โอบามา มีผลครอบคลุมถึงผู้อพยพราว 44% จากทั้งหมด 11.3 ล้านคนทั่วสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจากเม็กซิโกและอเมริกากลาง และอาศัยอยู่ในสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมาย
พรรครีพับลิกันซึ่งไม่เห็นด้วยกับการผ่อนคลายกฎหมายคนเข้าเมืองกล่าวหาว่า โอบามา กำลังใช้อำนาจเกินขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนด พร้อมประกาศจะขัดขวางแผนปฏิรูปคนเข้าเมืองทั้งในกระบวนการรัฐสภาและในชั้นศาล