เอเอฟพี – ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในสหรัฐฯกำลังจับกลุ่มเป้าหมายเด็กผิวสีและเด็กในพื้นที่รายได้ปานกลางและชนบท “อย่างไม่สมส่วน” งานศึกษาล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์เผย
นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนาและมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ชิคาโก ได้เฝ้าติดตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด 6,716 แห่งทั่วประเทศเพื่อตรวจสอบขอบเขตการตลาดทั้งในและนอกร้านที่มีเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมาย
การตลาดต่อเยาวชนมีตั้งแต่การแถมของเล่นจนถึงการโฆษณาที่ใช้ตัวละครในการ์ตูนและคนดังในแวดวงกีฬา รวมถึงพื้นที่เด็กเล่นและโปรโมชั่นสำหรับปาร์ตีวันเกิดของเด็ก
งานศึกษาระบุว่า “ชุมชนที่มีคนผิวสีเป็นประชากรส่วนใหญ่ , พื้นที่ชนบท และชุมชนรายได้ปานกลางถูกเปิดโล่งอย่างไม่ได้สัดส่วนต่อการทำการตลาดทางตรงกับเด็ก และโดยเฉพาะต่อการจัดแสดงชุดของเล่นในมื้ออาหารของเด็กภายในร้าน อันเป็นกลยุทธยอดนิยมในหมู่ร้านอาหารแบบหลายสาขา”
“จากการตรวจพบเหล่านี้ มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเรียกร้องให้อุตสาหกรรมฟาสต์ฟู้ดจำกัดการเปิดรับของเด็กต่อการตลาดที่ส่งเสริมการบริโภคตัวเลือกทางโภชนาการที่ไม่มีประโยชน์”
ความเป็นที่นิยมยืนนานของฟาสต์ฟู้ดถูกมองว่าเป็นต้นตอของวิกฤตโรคอ้วนในสหรัฐฯ ประเทศซึ่งหนึ่งในสามของผู้ใหญ่ถูกพิจารณาอ้วนเกินไป อ้างจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC)
ในเดือนกุมภาพันธ์ งานศึกษาในนิตยสาร อเมริกัน เมดิคอล แอสโซสิเอชัน รายงานว่า อัตราโรคอ้วนในหมู่เด็กวัย 2-5 ขวบมีเปอร์เซ็นต์ลดลง ทำให้เกิดความหวังว่าวิกฤตโรคอ้วนอาจกำลังค่อยๆ บรรเทาลง
พูนัม โอห์รี-วะชัสปาติ ศาสตราจาร์ดานโภชนาการของมหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นผู้นำการศึกษานี้ บอกกับเอเอฟพีว่า มันยากที่คาดเดาว่าเหตุใดอุตสาหกกรมฟาสต์ฟู้ดจึงกำลังจับบางชุมชนเป็นกลุ่มเป้าหมาย
“อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยก่อนหน้านี้ เรารู้ว่าชุมชนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะบริโภคฟาสต์ฟู๊ดมากกว่า และมีช่องทางเข้าถึงตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพน้อยกว่า ขณะที่มีอัตราโรคอ้วนสูงกว่า” เธอกล่าว และเสริมว่า เธอหวังว่าการค้นพบนี้จะกระตุ้นให้บรรดาบริษัทฟาสต์ฟู้ดจำกัดกาตลาดต่อเด็ก