เอเอฟพี – บริษัท โซนี พิกเจอร์ ขู่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายต่อบริษัท ทวิตเตอร์ หากไม่ลบข้อมูลลับที่ถูกขโมยจากระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทพวกเขา ซึ่งมีบางคนได้โพสต์ไว้บนเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้
คำขู่ดังกล่าวคือผลกระทบล่าสุดจากการแฮกบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์แห่งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายคนชี้ว่าเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือ
กลุ่มซึ่งเรียกตนเองว่า “Guardians of Peace” หรือผู้พิทักษ์สันติภาพ ได้รับเครดิตสำหรับการแทรกซึมระบบคอมพิวเตอร์ของโซนี เพื่อลงโทษต่อแผนการที่จะฉายภาพยนตร์เรื่อง “The Interview” ซึ่งมีเนื้อหาล้อเลียน คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
แฮกเกอร์กลุ่มนี้ทำลายไฟล์คอมพิวเตอร์ของโซนีจำนวนมากมายและเผยแพร่อีเมลล์อันน่าอับอายหลายฉบับที่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับดาราภาพยนตร์คนต่างๆ แบบตรงไปตรงมาและข้อมูลการจ่ายค่าจ้างนักแสดงซึ่งเป็นความลับ
ในตอนนี้ข้อมูลเหล่านั้นบางส่วนถูกโพสต์ไว้บนทวิตเตอร์ เดวิด บัวส์ ทนายความของบริษัท โซนี พิกเจอร์ เอ็นเตอนเทนเมนท์ (SPE) กล่าว ในจดหมายลงวันที่ 22 ธันวาคม ถึงทนายความของบริษัท ทวิตเตอร์ และแสดงความประสงค์ให้ลบข้อมูลเหล่านั้นออก
“บางคนซึ่งใช้ชื่อบัญชีทวิตเตอร์ว่า @bikinirobatarmy มีเอกสารและข้อมูลของ SPE ที่ถูกขโมยไปอยู่ในครอบครอง และกำลังใช้ชื่อบัญชีทวิตเตอร์นี้เผยแพร่เอกสารและข้อมูลดังกล่าว” บัวส์ กล่าวในจดหมายฉบับคัดลอกที่ถูกโพสต์บนเว็บไซต์ Scribd.com
ในจดหมายฉบับนี้ซึ่งจ่าหน้าถึง วิจายา แกดเด หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของทวิตตอร์ บัวส์ ร้องขอให้มีการระงับบัญชีทวิตเตอร์ดังกล่าว
หากทวิตเตอร์ไม่ทำตามคำร้องขอดังกล่าว บัวส์เขียนว่า “ทาง SPE จำต้องให้บริษัท ทวิตเตอร์ รับผิดชอบความเสียหายหรือความสูญเสียใดๆ อันเป็นผลมาจากการใช้หรือการเผยแพร่ลักษณะดังกล่าวจากทวิตเตอร์ รวมถึงความเสียหายหรือความสูญเสียใดๆต่อ SPE หรือผู้อื่น และรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะความสูญเสียใดๆ ของมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาและความลับทางการค้าอันเป็นผลมาจากการกระทำของทวิตเตอร์”
ขณะเดียวก็นก็มีอีกการริเริ่มหนึ่ง โดยผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์อิสระราว 250 รายได้แสดง “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว” กับโซนี พิกเจอร์ บนเว็บไซต์ change.org
ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ฉายหนังนอกกระแส (art house) เหล่านี้ เขียนว่าพวกเขา “ขอยืนยันถึงการอุทิศตนของพวกเราแด่คุณค่าแห่งเสรีภาพและความจำเป็นอย่างแท้จริงที่จะรักษาไว้ซึ่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของพวกเราที่ปลอดการควบคุม , การเซ็นเซอร์ และการข่มขู่คุกคาม” พร้อมกระตุ้นให้โรงภาพยนตร์อิสระเจ้าต่างๆ มีความกล้าที่จะฉายภาพยนตร์เรื่องนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดาราฮอลลีวูด จอร์จ คลูนี ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการที่อุตสาหกรรมนี้ไม่อาจแข็งขืนต่อการคุกคามทางไซเบอร์ ที่ท้ายที่สุดทำให้ โซนี พิกเจอร์ ต้องยกเลิกแผนการฉาย The Interview ในช่วงวันคริสต์มาส
คลูนี กล่าวว่า ไม่มีใครเลยที่มีความกล้าพอที่จะลงชื่อในคำร้องเรียนนี้ ด้วยกลัวว่า ถ้าทำเช่นนั้นแล้ว อาจทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการถูกแฮกโจมตีเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับโซนี