เอเอฟพี - “ทวิตเตอร์” ประกาศระงับบัญชีผู้ใช้กว่า 125,000 บัญชีที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการสกัดกั้นการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มก่อการร้าย
ทวิตเตอร์แถลงวานนี้ (5 ก.พ.) ว่า บริษัทเริ่มใช้นโยบายระงับบัญชีผู้ใช้ซึ่ง “มีการเผยแพร่ข้อมูลข่มขู่ หรือส่งเสริมการก่อการร้าย” มาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2015 หลังได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลนานาประเทศที่ไม่ต้องการให้กลุ่มหัวรุนแรงใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางเผยแพร่แนวคิด
“เช่นเดียวกับประชาชนทั่วโลก เราเองก็รู้สึกสะเทือนใจกับความโหดร้ายป่าเถื่อนที่กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงได้กระทำลงไป” ทวิตเตอร์ระบุในถ้อยแถลง
“เราขอประณามการใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางสนับสนุนการก่อการร้าย และทวิตเตอร์มีกฎที่ชัดเจนว่า พฤติกรรมลักษณะนี้ หรือการข่มขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ไม่สามารถกระทำได้บนเครือข่ายของเรา”
ประกาศของทวิตเตอร์มีขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศเรียกร้องให้สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หามาตรการเชิงรุก เพื่อปิดทางพวกสุดโต่งที่พยายามใช้สื่อเหล่านี้เป็นเครื่องมือหาแนวร่วม หรือวางแผนก่อเหตุรุนแรง
ทวิตเตอร์ยืนยันว่า บริษัทมีกฎห้ามเผยแพร่ข้อมูลในเชิงปลุกปั่นยุยงอยู่แล้ว และสั่งให้พนักงานที่ดูแลระบบเพิ่มความเข้มงวด รวมถึงนำเอาระบบคัดกรองเนื้อหามาใช้ แต่ก็ยอมรับว่ายังไม่มีเทคโนโลยีที่จะป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์
“อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญและบริษัทไอทีหลายแห่งได้อธิบายไว้แล้วว่า ไม่มีระบบขั้นตอนวิเศษ (magic algorithm) ใดๆ ที่จะสามารถบล็อกข้อความที่สนับสนุนการก่อการร้ายบนโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้น เว็บไซต์ทั่วโลกจึงต้องตัดสินใจใช้วิธีการบางอย่าง โดยอาศัยข้อมูลและคำแนะนำที่จำกัด” ทวิตเตอร์ระบุ
สื่อสังคมออนไลน์ถูกเรียกร้องให้ต้องมีส่วนช่วยสกัดกั้นลัทธิหัวรุนแรง หลังเกิดเหตุวินาศกรรมพร้อมกันหลายจุดที่กรุงปารีสเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว รวมถึงเหตุกราดยิง 14 ศพที่ศูนย์พัฒนาผู้พิการในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อเดือน ธ.ค. ซึ่งทั้งสองกรณีล้วนเกิดจากการกระทำของผู้ที่อ้างตนเป็นทหารของไอเอส