เอเอฟพี – ปากีสถานมีแผนที่จะประหารชีวิตนักรบติดอาวุธราว 500 คนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ เจ้าหน้าที่เผยวันนี้ (22) หลังจากที่รัฐบาลยกเลิกการผ่อนเวลาสำหรับโทษประหารชีวิตในคดีก่อการร้ายภายหลังการสังหารหมู่นักเรียนของกลุ่มตอลิบาน
นับตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (20) ที่ผ่านมา มีนักรบติดอาวุธถูกแขวนคอไปแล้ว 5 ราย ท่ามกลางกระแสความโกรธเกรี้ยวของสาธารณะชนต่อเหตุสังหารหมู่เมื่อวันอังคาร (16) ในเมืองเปชาวาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 149 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 133 ราย
หลังจากเหตุโจมตีก่อการร้ายที่มีคนตายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ปากีสถานผ่านพ้นไป นากยกรัฐมนตรี นาวาซ ชารีฟ ได้สั่งยุติการผ่อนเวลาสำหรับโทษประหารชีวิต และนำคดีที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายกลับเข้าสู่กระบวนการเดิม
“รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยได้สะสางคดีของนักโทษ 500 คนที่ใช้สิทธิอุทธรณ์หมดแล้วเรียบร้อยแล้ว การร้องขอความปรานีของพวกเขาถูกปฏิเสธโดยท่านประธานาธิบดี และการประหารพวกเขาจะมีขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่ถึงนี้” เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลรายหนึ่ง บอกกับเอเอฟพีโดยขอเผยนาม โดยเจ้าหน้าที่คนที่สองได้ยืนยันข้อมูลดังกล่าวแล้ว
จากผู้ที่ถูกแขวนคอทั้ง 6 คนดังกล่าว มีอยู่ 5คนเกี่ยวข้องกับความพยายามอันล้มเหลวที่จะลอบสังหาร เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ ผู้บัญชาการกองทัพในขณะนั้นเมื่อปี 2003 ขณะที่อีกคนหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีกองบัญชาการกองทัพในปี 2009
ตำรวจ , ทหาร และเจ้าหน้าที่คุ้มกันรัฐสภา (paramilitary Ranger) ซึ่งวางกำลังอยู่ทั่วประเทศ , สนามบิน และเรือนจำแห่งต่างๆ จะอยู่ในขั้นเตรียมรับมือกับภัยอันตรายระดับสูง ขณะที่การประหารชีวิตมีขึ้น และทหารจะยกระดับปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มติดอาวุธตอลิบานในพื้นที่ชนเผ่าทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ชารีฟ มีคำสั่งให้สำนักงานของอัยการสูงสุด “เร่งสะสาง” ความผิดอาญาขั้นอุกฤษฏ์โทษในศาล โฆษกรัฐบาล ระบุ
“ท่านนายกรัฐมนตรียังได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการที่เหมาะสมสำหรับการจำหน่ายคดีเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายที่ยังค้างเติ่งแต่เนิ่นๆ” โฆษกรายนี้กล่าวโดยไม่ได้ยืนยันอย่างเจาะจงถึงแผนการประหารชีวิตนักโทษ 500 คน
ปากีสถาน อธิบายว่าเหตุความรุนแรงนองเลือดเมื่อวันอังคาร (16) เป็นเหตุ “9/11 ขนาดย่อม” ของพวกเขา และเรียกเหตุดังกล่าวว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมในศึกกวาดล้างลัทธิหัวรุนแรง
การตัดสินใจนำการประหารชีวิตกลับมาใช้ใหม่ถูกประณามจากบรรดากลุ่มสิทธิมนุษยชน โดยองค์การสหประชาติก็ออกมาเรียกร้องให้ปากีสถานทบทวนเรื่องนี้ใหม่เช่นกัน