เอเจนซีส์/เอเอฟพี - หลังเกิดเหตุตอลีบานอุกอาจโจมตีโรงเรียน “อาร์มี่ พับลิก สคูล” ใน ในเมืองเปชาวาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ระบุมีผู้ถูกสังหาร 141 ศพ ไม่รวมกับมือปืนที่ถูกวิสามัญทั้ง 6 คน ถือเป็นเหตุโจมตีนองเลือดครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ อาเหม็ด ราชิด (Ahmed Rashid) ผู้เชี่ยวชาญด้านกลุ่มมุสลิมติดอาวุธ ที่เป็นทั้งนักข่าวในลาฮอร์ และนักวิเคราะห์ประจำบีบีซี ได้ให้ความเห็นว่า หนึ่งในแรงจูงใจหวังแค้นที่ชาติตะวันตกมอบรางวัลโนเบิลสขาสันติภาพให้กับมาลาลา ยูซาฟไซ นักรณรงค์ชาวปากีสถานในปีนี้ ด้านเจ้าตัวเผย “รู้สึกหัวใจสลายหลังทราบข่าว” และล่าสุดวันนี้(17)พลเอกราชีล ชารีฟผู้บัญชาการกองทัพที่ทรงอิทธิพลของปากีสถานได้เดินทางบินด่วนไปเยือนกรุงคาบูล อัฟกานิสถานในวันพุธ(17)เพื่อปรึกษาหารือกับประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน อัชราฟ กานี ในความร่วมมือข่าวกรองระหว่างทั้งสองชาติหลังเกิดเหตุสลดกลุ่มติดอาวุธตอลีบานTTP โจมตี
อินเตอร์บิสซิเนสไทม์ส รายงานเมื่อวานนี้(16)ว่า อาเหม็ด ราชิด (Ahmed Rashid) ผู้เชี่ยวชาญด้านกลุ่มมุสลิมติดอาวุธ ที่เป็นทั้งนักข่าวในลาฮอร์ และนักวิเคราะห์ประจำบีบีซีชี้ว่า หนึ่งในความเป็นไปได้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีล่าสุดของกลุ่มตอลีบาน TTP คือการต้องการส่งข้อความโดยตรงไปยังบรรดาผู้สนับสนุนของมาลาลา ยูซาฟไซ นักต่อสู้เพื่อสิทธิการศึกษาของเด็กผู้หญิงในปากีสถานและทั่วโลก เจ้าของรางวัลโนเบิลสาขาสันติภาพประจำปี 2014 ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกเพียง 17 ปี
และราชิดยังเชื่อว่านอกเหนือจากนี้ ทางกลุ่มมุสลิมติดอาวุธหวังใช้การโจมตีครั้งนี้เพื่อข่มขวัญกองทัพปากีสถานเพราะ "ทหารปากีสถานตลอดจนเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมีบุตรและญาติเรียนหนังสือที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงถือว่าเหตุการณ์กราดยิงอุกอาจนี้ก็เท่ากับต้องการตัดรอนกำลังใจของผู้ปฎิบัติหน้าที่" ราชิดให้ความเห็น
ด้านมูห์ฮามหมัด อูมาร์ โคราซานี ( Muhammad Umar Khorasani) โฆษกกลุ่มตอลีบานTTP ให้สัมภาษณ์ว่า "เราเลือกโรงเรียนในสังกัดกองทัพปากีสถานเป็นเป้าหมาย เพราะที่ผ่านมารัฐบาลปากีสถานได้ใช้กำลังพุ่งเป้าไปที่ครอบครัวของพวกเรารวมไปถึงกลุ่มผู้หญิงของเราก่อน โดยจุดประสงค์ถึงการโจมตีเพื่อจะทำให้คนพวกนี้รู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่เราได้รับ"
ทั้งนี้เดลีเมล สื่ออังกฤษได้รายงานเชิงตั้งคำถามในวันนี้(17)ว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางตอลีบานTTP หวังล้างแค้นรางวัลโนเบิลสาขาสันติภาพของยูซาฟไซ เหยื่อที่รอดชีวิตจากการถูกจ่อยิงในขณะที่เธออายุได้เพียง 15 ปีในปี 2012 จากการที่กลุ่มนักเรียน “อาร์มี่ พับลิก สคูล” ถูกบังคับให้เฝ้าดูครูของพวกเขา “ถูกเผาทั้งเป็น” ซึ่งหนึ่งในเหยื่อครูที่เสียชีวิตเป็นภรรยาของซูเบดาร์ อับบาส ( Subedar Abbass) นายทหารระดับสูงของกองทัพปากีสถาน โดยแหล่งข่าวปากีสถานเปิดเผยกับ NBC สื่อสหรัฐฯว่า กลุ่มติดอาวุธราดน้ำมันแก๊สโซลีนบนตัวครูสตรีรายนี้ก่อนจุดไฟเผาต่อหน้านักเรียนของเธอ
ซึ่งหลังเกิดเหตุพบร่างเหยื่อที่ถูกเผาเกรียม 2 ราย และถูกนำส่งโรงพยาบาลกองทัพปากีสถาน “ Combined Military” ในเปชาวาร์
อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษเปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลว่าสภาพเสียชีวิตของ 2 รายนี้อาจจะเกิดมาจากถูกจู่โจมโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายก็เป็นไปได้ เพราะมีรายงานว่า มีนักรบญิฮัดคนหนึ่งได้จุดระเบิดที่ติดกับตัวในขณะอยู่ในห้องเรียนที่มีเด็กทั้งหมด 60 คน แต่ทางการปาสถานยังไม่ยืนยันในความถูกต้องในเรื่องนี้
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มญิฮัดตอลีบานจำนวน 7 คนบุกเข้าโรงเรียนในเปชาวาร์ และเริ่มต้นกราดยิงเมื่อเช้าวานนี้(16) สังหารเด็กนักเรียไป 132 คน จากยอดเสียชีวิตทั้งหมด 141 คน โดยพบว่าอายุเหยื่อส่วนใหญ่อยู่ในช่วงระหว่าง 6-18 ปี เสียชีวิตจากการถูกยิงที่ศรีษะและอก และมีนักเรียนได้รับบาดเจ็บถึง 122 คน
ซึ่งมีนักเรียนบางส่วนรอดชีวิตมาได้เพราะการแกล้งทำเป็นเสียชีวิตตบตากลุ่มติดอาวุธ
และสื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ข่าวกรองปากีสถานเชื่อว่า กลุ่มตอลีบานต้องได้รับข้อมูลเบาะภายในโรงเรียนก่อนลงมือ จากการที่เหมือนทราบล่วงหน้าว่า จะมีนักเรียนจำนวน 150 คนอยู่ในห้องประชุมกลางเพื่อชมการสาธิตการปฐมพยาบาลชั่วชีวิต
ซึ่งการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในวันที่มีกำหนดการสาธิตการปฐมพยาบาลและอบรมของกองทัพปากีสถานให้กับนักเรียนโรงเรียนแห่งนี้ และพบว่ากลุ่มติดอาวุธได้ออกล่าภรรยาของทหารปากีสถานและสังหาร
และหลังจากคนร้ายทั้งหมดถูกวิสามัญ ทางตำรวจและกองทัพปากีสถานได้ปิดเมืองเปชาวาร์ล่าตัวเครือข่ายที่ลงมือก่อการร้าย สามารถจับกุมคนที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องจำนวน 29 คน รวมไปถึงผู้นำทางศาสนาอีก 2 คน ส่วนฐานที่ตั้งตอลีบานถูกโจมตีทางอากาศ
ในขณะที่ยูซาฟไซวัย 17ปี และครอบครัวอาศัยในอังกฤษได้ให้สัมภาษณ์ด้วยความรู้สึกที่เสียใจว่า เหตุการณ์สังหารหมู่ในโรงเรียนที่เมืองเปชาวาร์ทำให้ เธอหัวใจสลาย พร้อมทั้งประณามการกระทำที่เหี้ยมโหดและขี้ขลาดของตอลิบาน "เช่นเดียวกับผู้คนนับล้านทั่วโลก ดิฉันเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตของเด็กๆ ซึ่งเป็นเสมือนพี่และน้องของดิฉัน แต่เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้" มาลาลากล่าว
ทั้งนี้ โรงเรียนแห่งนี้เป็น 1 ในระบบโรงเรียนและวิทยาลัยสังกัดกองทัพปากีสถาน โดยที่กองทัพเป็นผู้บริหารโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ 146 แห่ง ขณะที่นักเรียนซึ่งอายุตั้งแต่ 10 ถึง 18 ปี มีทั้งที่เป็นลูกหลานของทหารและของพลเรือน สำหรับครูอาจารย์จำนวนมากทีเดียวเป็นภรรยาของทหาร
และล่าสุดเอเvฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า พลเอกราชีล ชารีฟ ผู้บัญชาการกองทัพที่ทรงอิทธิพลของปากีสถานได้เดินทางบินด่วนไปเยือนกรุงคาบูล อัฟกานิสถานในวันพุธ(17)เพื่อปรึกษาหารือกับประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน อัชราฟ กานี ในความร่วมมือข่าวกรองระหว่างทั้งสองชาติหลังเกิดเหตุสลดกลุ่มติดอาวุธตอลีบานTTP โจมตี
ซึ่งทางพลเอกชารีฟที่เดินทางไปอัฟกานิสถานพร้อมหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งชาติปากีสถาน ISI คาดว่าจะเข้าพบผู้นำอัฟกานิสถานพร้อมกับ พลเอก จอห์น แคมป์เบล ผู้บัญชาการกองกำลัง ISAF ของนาโต
โดยที่ผ่านมาทางอัฟกานิสถานมักจะกล่าวหาว่า ปากีสถานแอบให้ความช่วยเหลือที่พักพิงกลุ่มติดอาวุธตอลีบาน-อัฟกานิสถาน และในทางกลับกันปากีสถานกล่าวหาอัฟกานิสถานให้การปกป้องสมาชิกกลุ่มติดอาวุธตอลีบาน TTP
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การบินด่วนของผู้นำระดับสูงทางความมั่นคงของปากีสถานครั้งนี้เพื่อกระชับความร่วมมือในข่าวกรองที่จะครอบคลุมกลุ่มติดอาวุธที่อยู่ตามพรมแดนของทั้งสองประเทศ
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า พบว่านักรบญิฮัดบางคนที่โจมตีโรงเรียนในเปชาวาร์ในวันอังคาร(16)นั้น "พูดภาษาอารบิก" และทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของความมั่นคงปากีสถานเชื่อว่า จะมีส่วนโยงกับกลุ่มติดอาวุธที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ติดพรมแดนในฝั่งอัฟกานิสถาน
“พลเอกชารีฟต้องการทราบถึง หัวหน้ากลุ่มตอลีบาน TTP "Maulana Fazlullah" ที่เชื่อว่า ในขณะนี้หลบอยู่ในทางตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน และสมาชิกกลุ่มของเขา โดยมีความต้องการให้มีการจับกุมเกิดขึ้น และส่งตัวมอบให้กับทางปากีสถาน หรือไม่เช่นนั้นเห็นควรให้สังหารเสีย เพื่อที่กลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้จะไม่ใช้ดินแดนอัฟกานิสถานเป็นที่หลบภัย และข้ามแดนเข้าไปก่อเหตุในปากีสถานได้” แหล่งข่าวความมั่นคงปากีสถานให้สัมภาษณ์เอเอฟพี