เอเอฟพี - รัฐบาลยูเครนแถลงชื่นชมร่างกฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งจะเปิดทางให้วอชิงตันสามารถส่งอาวุธหนักเข้าไปช่วยสนับสนุนกองทัพยูเครนในการต่อสู้กับกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออก ขณะที่รัสเซียแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวต่อกฎหมายที่ยั่วยุให้เกิด “การเผชิญหน้าอย่างชัดแจ้ง”
ร่างกฎหมายซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเมื่อวันศุกร์ (12) และจะถูกส่งไปยังประธานาธิบดีบารัค โอบามา เพื่อลงนาม เป็นเสมือนใบเบิกทางให้อเมริกาสามารถส่งอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่าสูงสุด 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังยูเครน หลังเกิดการสู้รบระหว่างทหารกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซียในภาคตะวันออกมานานถึง 8 เดือน
กฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย แม้ที่ผ่านมาเศรษฐกิจแดนหมีขาวจะย่ำแย่หนักอยู่แล้วจากบทลงโทษของชาติตะวันตก ประกอบกับราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดหารือกับ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่กรุงโรมในวันจันทร์นี้ (15)
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเตือนว่า กฎหมายที่สหรัฐฯ ประกาศเป็นเสมือน “ระเบิดอานุภาพร้ายแรง” ที่จะทำลายความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองชาติมหาอำนาจ
“กฎหมายสนับสนุนเสรีภาพยูเครน (Ukraine Freedom Support Act) ซึ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยปราศจากการถกเถียงและลงคะแนนอย่างเหมาะสม มีลักษณะยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าอย่างชัดแจ้ง และมีแต่จะก่อความเสียใจภายหลัง” อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชวิช โฆษกกระทรวงต่างประเทศแดนหมีขาว ระบุ
“สภาคองเกรสสหรัฐฯ กำลังเดินตามรอยรัฐบาลบารัค โอบามา ซึ่งกระตือรือร้นที่จะทำลายกรอบความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย”
อย่างไรก็ตาม นักการเมืองในยูเครนกลับยกย่องการตัดสินใจ “ครั้งประวัติศาสตร์” ของสหรัฐฯ เพราะที่ผ่านมายูเครนได้พยายามเรียกร้องให้ชาติตะวันตกช่วยสนับสนุนปัจจัยทางทหาร แต่กลับได้รับเพียงความช่วยเหลืออื่นๆ ที่มิใช่อาวุธ
ประธานาธิบดีโอบามาซึ่งคัดค้านการส่งอาวุธให้ยูเครนมาโดยตลอด ถึงคราวต้องตัดสินใจว่าจะยอมลงนามรับรองกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ ซึ่งเนื้อหาของมันนั้นจะช่วยให้อเมริกาสามารถจัดส่งอาวุธต่อต้านรถถังและยานเกราะ, เรดาร์, อากาศยานสอดแนมไร้คนขับ และอุปกรณ์สื่อสารไปยังยูเครน
ทั้งนี้ ยังไม่แน่ว่าผู้นำสหรัฐฯ จะยอมผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ง่ายๆ เพราะชาติตะวันตกเองก็ไม่เต็มใจนักที่จะถูกดึงเข้าทำ “สงครามตัวแทน” กับรัสเซีย
เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งคำถามว่า โอบามา จะลงนามรับรองกฎหมายนี้หรือไม่ โฆษกทำเนียบขาว เจย์ เออร์เนสต์ ก็ตอบเพียงกว้างๆ ว่า “เรากำลังรอดูอยู่เหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม บรรดา ส.ส. และ ส.ว. อเมริกันเชื่อว่าพวกเขาสามารถบีบให้ โอบามาหันมาเผชิญหน้ากับมอสโกได้ โดยวุฒิสภาได้เพิ่มวรรคหนึ่งในกฎหมายที่จะมอบสถานะ “พันธมิตรหลักนอกนาโต” ให้แก่ยูเครน เช่นเดียวกับ จอร์เจีย และมอลโดวา
รัฐบาลเคียฟและชาติตะวันตกกล่าวหาว่ารัสเซียส่งทหารราบข้ามพรมแดนเข้าไปสนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครน และแม้จะมีหลักฐานชี้ชัด แต่รัสเซียก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง
สงครามที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายไปแล้วมากกว่า 4,300 ราย
ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน ยืนยันว่า ข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับในวันอังคารที่ผ่านมา (9) เป็นเรื่อง “จริง” แม้สถานการณ์จะยังคงเปราะบาง