อีโบลาทำพิษ!เซียร์ราลีโอนสั่งห้ามฉลองคริสต์มาส

เอเอฟพี - เซียร์ราลีโอนในวันศุกร์(16ธ.ค.) สั่งห้ามประชาชนเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสใดๆ หลังอีโบลายังคงแพร่ระบาดอย่างไม่ลดละ จนแซงหน้า ไลบีเรีย ขึ้นแท่นชาติที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสมรณะหนักหน่วงที่สุดไปแล้ว

หน่วยตอบสนองอีโบลาของรัฐบาลเผยว่าทหารจะถูกส่งเข้าประจำการตลอดช่วงเทศกาลคริสต์มาส เพื่อคอยบังคับให้ผู้คนที่ออกมาเตร็ดเตร่บนท้องถนนกลับเข้าไปในที่พักอาศัย โดย ปาโล ตอนเตห์ หัวหน้าหน่วยบอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงฟรีทาวน์ว่า "ในปีนี้จะไม่มีงานฉลองคริสต์มาสและปีใหม่"

"เราต้องการคำรับประกันว่าทุกคนจะยังคงอยู่แต่ภายในบ้าน อันเป็นผลจากอีโบลา บุคลากรทางทหารจะถูกส่งเข้าประจำการบนท้องถนนในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ เพื่อคอยหยุดยั้งการเฉลิมฉลองบนท้องถนนใดๆ" เขากล่าว โดยไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่ามาตรการนี้มีพื้นที่เป้าหมายใดบ้าง

แม้ว่าในเซียร์ราลีโอน ผู้คนส่วนใหญ่จะนับถืออิสลามแต่ประชากรราว 1 ใน 4 เป็นชาวคริสเตียน ซึ่งเตรียมรวมตัวและจัดงานรื่นเริงบันเทิงเพื่อเฉลองช่วงเทศกาลวันหยุดที่กำลังมาถึง

หัวหน้าทีมตอบสนองอีโบลาของเซียร์ราลีโอน ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนถึงกรอบเวลาของมาตรการเข้มข้นนี้หรือแม้แต่รายละเอียดข้อยกเว้นต่างๆ แต่มีข้อสังเกตว่าช่วงระหว่างการประกาศเคอร์ฟิวก่อนหน้านี้ ทางการยังคงอนุญาตให้ผู้คนออกจากบ้านเพื่อไปสวดมนต์และทำธุระที่จำเป็น

ภายใต้กฎระเบียบฉุกเฉินในปัจจุบัน บาร์และแหล่งท่องราตรีต่างๆถูกสั่งปิดและการรวมตัวของประชาชนถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ถึงขั้นห้ามผู้คนออกจากบ้านหรือไปทำงาน อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวเผยว่าทางการคงมีการแถลงรายละเอียดของคำสั่งเคอร์ฟิวช่วงคริสต์มาสเร็วๆนี้

เวลานี้เซียร์ราลีโอน แซงหน้า ไลบีเรีย กลายเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบจากอีโบลาหนักหน่วงที่สุด ด้วยเฉพาะช่วง 3 สัปดาห์หลังสุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 1,319 ราย ส่งผลยอดรวมผู้ติดเชื้อจนถึงวันพุธ(10ธ.ค.) อยู่ที่ 7,897 ราย เสียชีวิต 1,768 คน

เซียร์ราลีโอน ต้องกักกันพลเมืองราวครึ่งหนึ่งของประชากร 6 ล้านคน ด้วยการปิดกั้นเขตต่างๆทั่วประเทศ ในความพยายามต่อสู้กับการแพร่ระบาดอีโบลา และในวันพุธ(10ธ.ค.) ก็เพิ่งจะประกาศห้ามเข้าออกเมืองโคโน ดินแดนเหมืองเพชร ทางภาคตะวันออก หลังจากพบผู้ติดเชื้ออีโบลารายใหม่ 8 คน ในวันเดียว

ขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันศุกร์ ว่าจนถึงวันที่ 10 ธันวาคม มีผู้ติดเชื้ออีโบลาทั่วโลก 18,188 คน ในนั้นเสียชีวิต 6,583 ราย ซึ่งเหยื่อเกือบทั้งหมดอยู่ในกินี ไลบีเรียและเซียร์ราลีโอน