เมืองหลวงมัลดีฟเผชิญวิกฤตขาดแคลน “น้ำดื่ม” หลังโรงกลั่นน้ำทะเลถูกไฟไหม้

เอเอฟพี – ประธานาธิบดี อับดุลลา ยามีน แห่งมัลดีฟ วิงวอนให้ประชาชนในกรุงมาเลอยู่ในความสงบและอดทนวันนี้(6) หลังโรงกลั่นน้ำทะเลขนาดใหญ่เกิดเพลิงไหม้จนส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มอย่างรุนแรง

หลายๆ พื้นที่ในกรุงมาเลยังคงปราศจากน้ำดื่ม หลังเกิดเพลิงไหม้ที่โรงงานผลิตน้ำจืดขนาดใหญ่ซึ่งหล่อเลี้ยงประชากรในเมืองหลวงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(4)

“ประธานาธิบดี อับดุลลา ยามีน ขอให้ชาวมัลดีฟทุกคนจงอดทนและสามัคคีกัน และร่วมมือกับรัฐบาลต่อสู้วิกฤตชาติ” ทำเนียบประธานาธิบดีแถลง พร้อมอ้างคำสัญญาของผู้นำมัลดีฟที่ว่า จะ “จัดหาน้ำอุปโภคบริโภคที่พอเพียงแก่ประชาชน” จนกว่าวิกฤตครั้งนี้จะคลี่คลายลง

เมื่อวานนี้(5) อินเดียและศรีลังกาได้ส่งเครื่องบินขนน้ำดื่มบรรจุขวดมายังเมืองหลวงของหมู่เกาะซึ่งเป็นสวรรค์สำหรับคู่ฮันนีมูน หลังน้ำประปาในกรุงมาเลเริ่มแห้งเหือด ขณะที่จีนและสหรัฐฯ ก็กำลังเร่งส่งความช่วยเหลือ

รัฐบาลอินเดียยังได้ส่งเรือที่มีซึ่งมีเครื่องแยกเกลือออกจากน้ำทะเลมาช่วยด้วยอีกแรง

เมื่อวานนี้(5) ได้เกิดการต่อสู้ตะลุมบอนขึ้นในกรุงมาเล เนื่องจากประชาชนรุมแย่งชิงน้ำดื่มบรรจุขวดที่รัฐบาลนำมาแจกโดยกำหนดโควตาอย่างเข้มงวด

รัฐบาลมัลดีฟยืนยันวันนี้(6)ว่า จะมีการแจกจ่ายน้ำดื่มฟรีแก่พลเมือง 120,000 คน รวมถึงแรงงานข้ามชาติจากบังกลาเทศ, อินเดีย, เนปาล, ปากีสถาน และศรีลังกาด้วย หลังมีข่าวลือว่าศูนย์แจกจ่ายน้ำดื่มปฏิเสธที่จะแจกน้ำให้แรงงานต่างชาติ

ด้านอดีตประธานาธิบดี เมามูน อับดุล กายูม ก็ได้ออกมาวิงวอนให้ชาวมัลดีฟอยู่ในความสงบ

“รัฐบาลกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขวิกฤตน้ำในกรุงมาเล ขอให้เราทุกคนจงอยู่ในความสงบจนกว่าปัญหาจะคลี่คลาย” กายูม ซึ่งเป็นพี่น้องกับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์

เจ้าหน้าที่ระบุว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 5 วันเพื่อซ่อมแซมโรงกลั่นน้ำทะเลที่เสียหายจากไฟไหม้ และปรับปรุงระบบส่งน้ำให้กลับมาใช้การได้ดังเดิม

กว่า 1 ใน 3 ของประชากรมัลดีฟ 330,000 คนซึ่งเป็นชาวมุสลิมสุหนี่อาศัยอยู่ในกรุงมาเล ซึ่งมีพื้นที่เพียงราวๆ 2 ตารางกิโลเมตร ทำให้เกิดการแก่งแย่งทรัพยากรทั้งน้ำดื่มและกระแสไฟฟ้า

ร้านอาหารและร้านค้าส่วนใหญ่ในกรุงมาเลปิดทำการชั่วคราว ขณะที่พลเมืองบางส่วนเดินทางไปพำนักยังเกาะอื่นๆ ที่ยังมีน้ำให้ใช้อุปโภคบริโภคได้

อย่างไรก็ตาม วิกฤตน้ำดื่มครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อรีสอร์ตท่องเที่ยวยอดนิยมบนเกาะอื่นๆ ซึ่งมีโรงกลั่นน้ำทะเลและโรงไฟฟ้าเป็นของตนเอง

แม้เกาะมาเลจะมีระบบเก็บกักน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพ แต่น้ำใต้ดินก็ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้นประชาชนจึงต้องพึ่งพาโรงกลั่นน้ำทะเลเป็นหลัก

ท้องทะเลสีฟ้าสดและหาดทรายขาวสะอาดของหมู่เกาะมัลดีฟดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมเยือนปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน