เอเอฟพี – รัฐบาลอินเดียเตรียมประกาศเพิ่มอายุขั้นต่ำของผู้ซื้อบุหรี่เป็น 25 ปี และห้ามแกะซองขายปลีก ซึ่งนักรณรงค์ด้านสุขภาพได้ออกมาชื่นชมว่าเป็นมาตรการสำคัญที่อาจช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากบุหรี่ปีละเฉียดล้านคนในแดนภารตะ
เจ.พี. นัดดา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอินเดีย แถลงวานนี้(25)ว่า ตนกำลังเตรียมร่างกฎหมายเพิ่มอายุขั้นต่ำของผู้ซื้อบุหรี่จาก 18 ปีเป็น 25 ปี และห้ามผู้ขายแกะซองบุหรี่ขายปลีก
นโยบายจำกัดการขายบุหรี่ซึ่งเสนอโดยคณะผู้เชี่ยวชาญจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาอินเดียเสียก่อน จึงจะประกาศเป็นกฎหมายได้
“รัฐบาลทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม... นโยบายนี้น่าจะช่วยขัดขวางพวกที่ริสูบบุหรี่ โดยเฉพาะนักเรียนและวัยรุ่น” บินอย มาธิว โฆษกสมาคมอาสาสมัครสุขภาวะแห่งอินเดีย ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ทุกๆ ปีจะมีชาวอินเดียเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่มีสาเหตุจากบุหรี่มากถึง 900,000 คน ซึ่งคิดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากบุหรี่อาจเพิ่มเป็น 1.5 ล้านคนภายในสิ้นทศวรรษนี้
ยูโรมอนิเตอร์ ซึ่งเป็นสำนักวิจัยด้านการตลาด รายงานว่า บุหรี่ในแดนภารตะร้อยละ 70 ถูกจำหน่ายแบบปลีก ซึ่งคิดเป็นจำนวนกว่า 100,000 ล้านมวนในปี 2012
นักเคลื่อนไหวระบุว่า การขายบุหรี่แยกมวนตามแผงลอยริมถนนคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนยากจนที่ไม่มีเงินพอซื้อบุหรี่ทั้งซอง
“คนเหล่านี้สามารถหาซื้อบุหรี่มวนเดียวได้ในราคา 10-15 รูปี แต่กฎหมายใหม่ที่รัฐบาลเตรียมประกาศใช้จะทำให้พวกเขาต้องมีเงินถึง 200 รูปีเพื่อซื้อบุหรี่ให้ได้ 1 ซอง และนั่นหมายความว่าการซื้อบุหรี่จะไม่ง่ายอีกต่อไป” มาธิว อธิบาย
นอกจากบุหรี่แล้ว ชาวอินเดียยังเสพยาเส้นในรูปแบบอื่นๆ เช่น กุตกา (gutka) ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างใบยาสูบ ผลหมาก และอื่นๆ และยาสูบมวนด้วยมือซึ่งเรียกว่า “บีดิส” (beedis)
เมื่อเดือนที่แล้ว กรุงนิวเดลีได้ออกกฎให้ผู้ผลิตบุหรี่ทุกรายต้องพิมพ์คำเตือนขนาด 85% ของพื้นที่ซองบุหรี่ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
แม้หลายรัฐในอินเดียจะมีกฎหมายห้ามจำหน่ายกุตกาแล้ว แต่นักเคลื่อนไหวชี้ว่าการบังคับใช้กฎหมายในทางปฏิบัติยังค่อนข้างหละหลวม