รอยเตอร์ – เดวิด จอห์นสตัน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย ออกมากล่าวขออภัยวันนี้(26) หลังหลุดปากยอมรับว่าไม่ศรัทธาในบริษัทผลิตเรือดำน้ำของรัฐบาลจิงโจ้ ถึงขั้นให้ผลิต “เรือแคนู” ยังไม่เอา ซึ่งทำให้หลายฝ่ายคาดเดาว่า โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียน่าจะตกไปอยู่ในมือต่างชาติ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนกันยายนว่า รัฐบาลออสเตรเลียมีแนวโน้มที่จะซื้อเรือดำน้ำจากญี่ปุ่นจำนวน 12 ลำมาทดแทนของเก่า
นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ เคยให้สัญญาว่า เรือดำน้ำล็อตใหม่จะถูกต่อขึ้นในภาคใต้ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งยังมีอัตราการว่างงานสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ แต่ต่อมาในเดือนกรกฎาคมกลับมีท่าทีลังเล โดยชี้ว่าค่าใช้จ่ายและกรอบเวลาเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณาก่อน
ระหว่างการตอบคำถามต่อวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร(25) เดวิด จอห์นสตัน รัฐมนตรีกลาโหมแดนจิงโจ้ ได้อ้างถึงงบส่วนเกิน 350 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในโครงการต่อเรือพิฆาตป้องกันภัยทางอากาศ (air warfare destroyer ships) จำนวน 3 ลำ และความอ่อนประสบการณ์ด้านการออกแบบเรือดำน้ำของบริษัท ออสเตรเลียน ซับมารีน คอร์ป (เอเอสซี) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ
“คุณสงสัยใช่ไหมว่า ทำไมผมถึงกังวลเรื่อง เอเอสซี และผลงานที่พวกเขาจะมอบให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษี คุณสงสัยใช่ไหมว่า ทำไมผมถึงไม่ไว้ใจแม้แต่จะให้พวกเขาต่อเรือแคนูสักลำ” จอห์นสตัน กล่าวต่อบรรดาวุฒิสมาชิก
“เรามาว่ากันตามตรงดีกว่า... โครงการนี้ต้องการมืออาชีพจริงๆ เพราะเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ และเราจะต้องฟังคำแนะนำของหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงเป็นหลัก ไม่ใช่ฟังเสียงคนที่พยายามจะหางานทำ”
อย่างไรก็ดี จอห์นสตัน ได้กล่าวต่อวุฒิสภาอีกครั้งในวันนี้(26)ว่า เขาเสียใจในสิ่งที่พูดไป ซึ่งอาจจะ “ใช้สำนวนโวหารมากไปหน่อย”
“ผมเพียงต้องการสื่อถึงเรื่องราวต่างๆ แต่ไม่ได้หมายถึงพนักงานของเอเอสซี ซึ่งคงรู้สึกโกรธเคืองที่ผมพูดเช่นนั้น จริงๆ แล้วผมเชื่อว่าพวกเขามีฝีมือระดับเวิลด์คลาส” รัฐมนตรีผู้นี้กล่าว พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอนเกี่ยวกับโครงการเรือดำน้ำ
สำนักข่าว ออสเตรเลียน บรอดคาสติง คอร์ปอเรชัน อ้างคำแถลงของนายกรัฐมนตรี แอบบ็อตต์ ซึ่งระบุว่า เอเอสซี ปฏิบัติหน้าที่ได้เกินเป้าหมายในการซ่อมบำรุง และยืดอายุฝูงเรือดำน้ำชั้นคอลลินส์ซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน
“แม้ เอเอสซี จะต้องเผชิญความท้าทายในการวางแผนค่าใช้จ่ายและกรอบเวลาของโครงการผลิตเรือพิฆาตป้องกันภัยทางอากาศให้ตรงกับที่รัฐบาลคาดหวัง แต่เราก็พร้อมที่จะร่วมมือกับ เอเอสซี เพื่อหายุทธศาสตร์ในการปฏิรูปศักยภาพของอู่ต่อเรือ และผลิตภาพ”
ด้านพรรคแรงงานซึ่งเป็นฝ่ายค้านออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งปลด จอห์นสตัน
“โครงการนี้เป็นโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย จึงจำเป็นต้องกระทำอย่างรอบคอบ” เพนนี หว่อง ผู้นำ ส.ว. พรรคแรงงาน กล่าว