เอเจนซีส์ - พบข้อมูลฉาว รัฐบาลแทนซาเนียขับไล่ประชากรชนเผ่า “มาไซ” กว่า 40,000 คนออกจากที่ดินซึ่งพวกเขาอาศัยมาแต่บรรพบุรุษ เปิดทาง “ราชวงศ์ดูไบ” เข้าซื้อที่ดิน ก่อนพัฒนาเป็น “พื้นที่ล่าสัตว์” เพื่อการพักผ่อน พร้อมยื่นคำขาดชาวมาไซรายใดไม่ยอมออกจากพื้นที่ภายในสิ้นปีนี้ เตรียม “ติดคุกยาว”
รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลแทนซาเนียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีมิเซงโก ปินดาซึ่งก้าวขึ้นครองอำนาจตั้งแต่ปี 2008บรรลุข้อตกลงมูลค่า “หลายพันล้านดอลลาร์” ในการขายที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของชนพื้นเมืองเผ่า “มาไซ” จำนวนกว่า 40,000 คนให้กับราชวงศ์ดูไบ ผ่านทางบริษัทนายหน้าอย่าง ออร์เทโล บิสเนสส์ คอร์ป ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประเภท “ซาฟารี” ให้กับบรรดาลูกค้ากระเป๋าหนักจากทั่วโลก
ข้อตกลงสุดอื้อฉาวดังกล่าวกำหนดให้ชาวมาไซที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติ “เซเรงเกติ” จะต้องอพยพออกนอกพื้นที่ภายในเส้นตายในสิ้นปีนี้ แลกกับการรับเงินชดเชยจำนวน 1,000 ล้านชิลลิง (คิดเป็นเงินไทยราว 18.9 ล้านบาท) มิฉะนั้นจะต้องรับโทษจำคุกนานหลายปีฐานขัดขวางการปฏิบัติงานของภาครัฐ
ด้านแหล่งข่าวในกรุงโดโดมา เมืองหลวงของแทนซาเนียระบุว่า ราชวงศ์ดูไบภายใต้การนำ ชีคห์ โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม เตรียมพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นเขตล่าสัตว์เพื่อเกมกีฬา และใช้เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับสมาชิกราชวงศ์ดูไบ
ทั้งนี้ ชนเผ่ามาไซซึ่งมีจำนวนประชากรมากกว่า 840,000 คนในเคนยาและอีกมากกว่า 430,000 คนในแทนซาเนีย กำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากการรุกล้ำของการพัฒนาที่ไม่สมดุล และการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว ตลอดจนนักลงทุนข้ามชาติ ท่ามกลางรายงานว่า ที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของเผ่ามาไซกำลังถูกคุกคามหนักจนลดจำนวนลงอย่างสำคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา