ผู้เชี่ยวชาญเผยยังชี้ชัดไม่ได้ว่าการขาดวิตามินดีทำให้เจ็บป่วย

เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญออกมาระบุเมื่อวันจันทร์ (24 พ.ย.) ว่าการทดสอบเกี่ยวกับระดับวิตามินดีในร่างกาย ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าก่อให้เกิดประโยชน์หรือส่งผลเสีย แม้ว่าในอดีตจะมีผลการวิจัยที่ออกมาเตือนถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ขาดแคลนวิตามินดี

ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาพบว่า การมีระดับวิตามินดีในร่างกายที่ต่ำจะเพิ่มความเสี่ยงกระดูกผุ โรคหัวใจ มะเร็งลำไส้ใหญ่ เบาหวาน ซึมเศร้า อัลไซเมอร์ ฯลฯ

แต่ล่าสุด หน่วยงานวิจัยและให้บริการข้อมูลด้านการป้องกันโรคของสหรัฐฯ (US Preventive Services Task Force - USPSTF) ได้ออกมาระบุว่า จากการทดสอบยังไม่พบหลักฐานมากพอที่จะชี้ชัดว่าการขาดแคลนวิตามินดีจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย

“ด้วยหลักฐานในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะประเมินถึงประโยชน์และโทษสำหรับการขาดแคลนวิตามินดีในกลุ่มผู้ใหญ่ที่สุขภาพปกติไม่มีอาการเจ็บป่วย เรายังไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนถึงผลกระทบจากการปิดกั้นไม่ให้ได้รับวิตามินดี เมื่อเทียบกับการได้รับวิตามินดี” คำแถลงของหน่วยงานฯ ระบุ

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานดังกล่าว ระบุว่า การทดสอบลักษณะนี้ควรจะดูเป็นเฉพาะกรณี ไม่ควรดำเนินการกันอย่างแพร่หลายทั่วไป

ตามปกติแล้ว บุคคลทั่วไปสามารถได้รับวิตามินดีจากแสงอาทิตย์และน้ำมันปลา อย่างเช่น แซลมอน ทูน่า หรือแม็กเคอร์เรล ทั้งยังมีในนม ไข่และเนย รวมถึงสามารถรับเข้าสู่ร่างกายได้จากพวกอาหารเสริม วิตามินดีเป็นสารสำคัญที่ช่วยทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง

รายงานจากสถาบันการแพทย์ของสหรัฐฯ ในปี 2010 เคยสรุปไว้ว่า วิตามินดีมีความจำเป็นต่อการสร้างกระดูกที่แข็งแรง พร้อมทั้งแนะนำให้รับวิตามินดีเข้าสู่ร่างกายวันละ 600 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 70 ปี ส่วนผู้สูงอายุให้รับที่ปริมาณ 800 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ตามไม่พบว่าการขาดแคลนวิตามินดีจะก่อให้เกิดโรค

แต่ถึงกระนั้น ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งในวารสารทางการแพทย์ บริติช เมดิคัล เจอร์นัล ที่ศึกษาจากผู้คน 95,766 รายในเดนมาร์ก ก็พบว่าระดับวิตามินดีในร่างกายที่ลดลง จะเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิต 30 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคที่เกี่ยวกับมะเร็ง 40 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิจัยในงานศึกษาชิ้นนั้นก็ยังไม่พบส่วนที่เชื่อมโยงกันระหว่างการขาดแคลนวิตามินดีกับการเสียชีวิตด้วยโรคที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด

ทุกวันนี้มีประมาณ 1 พันล้านคนทั่วโลก ที่มีระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะผิวหนังของคนกลุ่มนี้มีความสามารถในการเปลี่ยนแสงอาทิตย์ที่กระทบร่างกายให้เป็นวิตามินดีได้น้อยลง