เอเจนซีส์ - เกาหลีเหนือข่มขู่ในวันพฤหัสบดี (20 พ.ย.) ว่าจะเพิ่มสมรรถนะการสู้รบ รวมทั้งทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เพื่อตอบโต้การแสดงความเป็นปฏิปักษ์ของอเมริกาที่เจ้ากี้เจ้าการผลักดันให้ยูเอ็นลงมติประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนของโสมแดง ที่อาจนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้นำ “คิม จองอึน” ในศาลอาญาโลก ด้านโสมขาวก็สั่งเตรียมพร้อมเต็มที่ พร้อมประกาศจะไม่อดทนกับการยั่วยุใดๆ ของเปียงยาง
วันอังคารที่ผ่านมา (18) คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ลงมติด้วยคะแนน 111 ต่อ 19 งดออกเสียง 55 ประเทศ รับรองญัตติที่เสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น ส่งเรื่องขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศวินิจฉัยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ยูเอ็นมีความเคลื่อนไหวซึ่งอาจนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในศาลอาญาระดับโลก
ญัตติดังกล่าวอิงอยู่กับรายงานความยาว 400 หน้าที่เผยแพร่ออกมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสรุปว่าเกาหลีเหนือละเมิดสิทธิมนุษยชนชนิดที่ “ไม่มีประเทศอื่นใดในโลกร่วมสมัยเทียบเคียงได้”
ต่อมาในวันพฤหัสบดี (20) กระทรวงการต่างประเทศโสมแดงได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ โดยออกมาโจมตีว่า การอนุมัติญัตติดังกล่าวเป็นการยั่วยุทางการเมืองอย่างร้ายแรงที่มีอเมริกาเป็นจอมบงการ ถึงแม้ว่าในทางเป็นจริงแล้ว ญัตติฉบับนี้จะร่างโดยสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่นก็ตาม
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือที่ไม่มีการออกนาม บอกกับสื่อของรัฐโสมแดงว่า สงครามของเกาหลีเหนือจะเป็นไปอย่างเข้มข้นและมีรูปแบบไม่จำกัด เพื่อตอบโต้การเป็นปฏิปักษ์ของวอชิงตันที่ “บังคับเราให้ไม่ต้องระงับการทดสอบนิวเคลียร์อีกต่อไป”
การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทดสอบนิวเคลียร์เช่นนี้ ใกล้เคียงกับคำประกาศของโช เมียงนัม ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านยูเอ็นและประเด็นสิทธิมนุษยชนของเกาหลีเหนือเมื่อวันอังคาร (18)
เท่าที่ผ่านมา เปียงยางมักออกมาข่มขู่ในลักษณะนี้ เมื่อเกิดสถานการณ์ตึงเครียดกับประเทศอื่นๆ และนักวิเคราะห์เชื่อว่า เกาหลีเหนือจะไม่ทดสอบนิวเคลียร์ตามคำขู่ เนื่องจากจะกลายเป็นการเชิญชวนให้นานาชาติออกมาประณาม และบ่อนทำลายความพยายามในการดึงดูดเงินทุนและความช่วยเหลือจากต่างแดน
ลิม อุลชุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือของมหาวิทยาลัยเกียงนัมในเกาหลีใต้ระบุว่า เปียงยางรู้ดีว่า ทั้งจีนและรัสเซียไม่ต้องการให้มีการทดสอบนิวเคลียร์รอบใหม่ โดยเมื่อวันอังคาร ทั้งสองชาติโหวตคัดค้านในที่ประชุมสิทธิมนุษยชนยูเอ็น และเตรียมใช้สิทธิ์ยับยั้งเมื่อญัตตินี้ถูกเสนอเข้าคณะมนตรีความมั่นคงในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม สถาบันอเมริกา-เกาหลี มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุเมื่อวันพุธ (19) ว่า เกาหลีเหนืออาจจะกำลังฟื้นการดำเนินงานของโรงงานซึ่งสามารถเพิ่มสมรรถนะเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ให้เป็นพลูโตเนียมเกรดสำหรับทำอาวุธ หลังจากที่ปิดโรงงานดังกล่าวมา 6 ปี โดยการค้นพบนี้อิงอยู่กับภาพถ่ายดาวเทียมเหนือโรงงานนิวเคลียร์แห่งหลักของเกาหลีเหนือในเมืองยองบอน
ทางด้านเกาหลีใต้ ได้สั่งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยโฆษกกระทรวงกลาโหมเตือนว่า โซลจะไม่อดทนต่อการยั่วยุใดๆ จากเปียงยาง และว่า หน่วยงานของเกาหลีใต้และอเมริกากำลังจับตาโรงงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด
ที่ผ่านมา เปียงยางทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ในปี 2006, 2009 และ 2013 และทุกครั้งถูกตอบโต้ด้วยมาตรการลงโทษจากนานาชาติ อย่างไรก็ดี สำหรับการทดลองครั้งที่ 4 นี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเตือนว่าหากเกิดขึ้นจริงอาจจะทำให้เกาหลีเหนือยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายในการผลิตหัวรบนิวเคลียร์ที่มีขนาดเล็กพอติดตั้งกับจรวดที่พิสัยยิงไกลถึงดินแดนของสหรัฐฯ