เอเอฟพี – เมื่อวานนี้(18) กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงกำหนดการเลื่อนการเดินทางของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี ในการเข้าร่วมประชุมนิวเคลียร์อิหร่าน P5+1 รอบสุดท้าย
เอเอฟพีรายงานวันนี้(19)ว่า จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯยังคงอยู่ในกรุงลอนดอนต่อไป แทนที่จะมุ่งหน้าไปยังกรุงเวียนนา ออสเตรียเพื่อเข้าร่วมการประชุมโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน P5+1 ซึ่งเขาต้องมีกำหนดการเดินทางไปถึงในวันพุธ(19)
บรรดาชาติมหาอำนาจ 5 ชาติ ที่ประกอบไปด้วย สหรัฐฯ รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส อังกฤษ ที่เป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงองค์การสหประชาชาติ และ + 1 เยอรมัน ต้องการหาทางออกร่วมกันในโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน ซึ่งบรรดาผู้นำมหาอำนาจต่างหวังที่ จะสามารถบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ได้ก่อนเส้นตายวันที่ 24 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ แต่กระนั้นยังคงมีความแตกต่างในความเห็นระหว่างอิหร่าน และอีก 6 ชาติผู้นำด้านเศรษฐกิจและการทหารของโลก
รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ ( Mohammad Javad Zarif) ได้กลับมาเริ่มหารือกับ แคทเธอรีน แอชตัน (Catherine Ashton) หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ในวันอังคาร(19)ในออสเตรีย ล่วงหน้าก่อนการเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศอีก 6 ชาติ
แต่จากการประกาศของเจน ซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศเมื่อวานนี้(19) ระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯจะเดินทางเข้าร่วมการประชุม P5+1 ภายหลังในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่มีการกำหนดวันอย่างเป็นทางการ
“รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯจะยังคงอยู่ในกรุงลอนดอนต่อไปในวันพุธเพื่อหารือกับทีมเจรจาในเวียนนาและทีมสนับสนุนในวอชิงตัน ต่อจากนั้นในวันพฤหัสบดี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯจะเดินทางไปยังกรุงปารีสช่วงเช้า ซึ่งจอห์น เคร์รีจะพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย และรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสในหัวข้อการเจรจานิวเคลียร์อิหร่าน” ซากีแถลง
ก่อนหน้านี้ในกรุงลอนดอนในวันอังคาร(19) เคร์รีให้สัมภาษณ์ว่า “เป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนที่อิหร่านต้องแสดงให้เห็นว่าได้ร่วมมือกับพวกเราอย่างเต็มความสามารถเพื่อพิสูจน์กับประชาคมโลกให้ได้ว่า โครงการนิวเคลียร์ของเตหะรานนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อสันติภาพ” และเคร์รีแถลงเพิ่มเติมว่า “สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์สำคัญสำหรับการเจรจา P5+1 นี้ เราหวังว่าเราจะบรรลุจุดมุ่งหมายให้ได้ แต่เรายังไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้ในขณะนี้”
ในขณะที่โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ ที่เดินทางมาถึงกรุงเวียนนาในวันอังคาร(19) ได้เปิดเผยว่า อาจเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลง แต่หากการเจรจาล้มเหลวหมายความว่า ทั้ง 6 ชาติเหล่านั้นเรียกร้องกับอิหร่านมากเกินไป
รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านให้สัมภาษณ์กับสื่อเตหะรานว่า “หากเกิดขึ้นจริง...เพราะมีการเรียกร้องที่มากเกินไปจากทั้ง 6 ชาติ และทางเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ผมคิดว่าประชาคมโลกต้องเข้าใจอิหร่านจากความพยายามที่จะหาทางออกในความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ และในขณะเดียวกันอิหร่านจะไม่ยอมสละสิทธิและความชอบธรรมตลอดจนศักดิศรีของอิหร่านไป”
และหากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน P5+1 นี้ที่มีเส้นตายสิ้นสุดลงในวันจันทร์(24)ที่จะถึงนี้สำเร็จ จะเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกที่อยู่ในช่วงตกต่ำมานานถึง 12 ปีให้กลับมาเป็นปกติ และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอิหร่านครั้งใหญ่ รวมไปถึงจะช่วยทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯมีผลงานชิ้นโบแดงทางต่างประเทศให้กล่าวถึงหลังจากก้าวลงจากอำนาจ ซึ่งในนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลโอบามานั้นดูเหมือนไม่มีสิ่งที่เรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก ซึ่งโอบามาถูกพรรครีพับลิกันโจมตีตั้งแต่เริ่มต้นในปีแรกของการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯว่า ผู้นำผิวสีคนแรกของสหรัฐฯไม่มีประสบการณ์ทางต่างประเทศ และนโยบายการต่างประเทศของเขาไม่มีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ที่ประสบความสำเร็จในการทะลายกำแพงเบอร์ลิน ยุติสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯและสหภาพโซเวียตได้สำเร็จ
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯได้ให้สัมภาษณ์ในวันจันทร์(18)ว่า ในจุดนี้การขยายกรอบเวลาออกไปนั้นไม่อยู่ในหัวข้อการพูดคุย
