เอเจนซีส์ – ล่าสุดสวีเดนเผยแพร่ภาพโซนาร์ที่ถ่ายใต้น้ำที่สวีเดนแถลงยืนยันว่า สามารถพิสูจน์ได้ว่า “มีเรือดำน้ำต่างชาติบุกรุกอาณาเขตอธิปไตยทางทะเลของสวีเดนจริงในเดือนตุลาคม” ในขณะที่ 7 นิวส์ สื่อออสเตรเลียรายงานว่า โฆษกสถานทูตรัสเซียประจำออสเตรเลียยอมรับว่า การมาเยือนของเรือรบรัสเซีย 4 ลำที่ติดอาวุธพร้อมนั้นไม่ใช่เรื่อง “ปกติ” แต่ชี้มีภารกิจต้องการวิจัย “สำรวจอากาศเขตอาร์กติก” ทดสอบสมรรถนะของกองเรือรบแปซิฟิกของรัสเซียฝูงนี้ และยังต้องการให้ความปลอดภัยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่กำลังร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ในขณะนี้ที่บริสเบน
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(14)ว่า ภาพถ่ายล่าสุดที่เปิดเผยโดยรัฐบาลสวีเดน แสดงให้เห็นถึงรอยทางยาวที่หลงเหลือบนพื้นมหาสมุทรจากการเคลื่อนที่ของเรือดำน้ำต่างชาติในเดือนตุลาคม หลังจากก่อนหน้านี้ ปรากฎภาพถ่ายของวัตถุลึกลับโผล่พ้นผิวน้ำใกล้กรุงสตอกโฮล์ม ทำให้กองทัพสวีเดนต้องระดมพลค้นหาบริเวณทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ผู้นำสูงสุดของกองทัพสวีเดนออกมาแถลงว่า “ทางกองทัพสามารถยืนยันว่ามีเรือดำน้ำขนาดเล็ก(U-boat)ล่วงล้ำเข้ามาในเขตน่านน้ำของสวีเดน พลเอกสเวนเกอร์ โกแรนส์สัน ( Sverker Goransson) แถลง ด้านนายกรัฐมนตรีสวีเดน สเตฟาน ลอฟเวน (Stefan Lofven)ประกาศจะปกป้องสวีดเดนไว้จนสุดความสามารถ
“ทางเราจะใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อปกป้องอาณาเขตของเรา” ผู้นำสวีเดนกล่าว
ทั้งนี้ภารกิจการค้นหาที่ใช้ทั้งเครื่องบินรบและเรือรบของกองทัพใกล้กับกรุงสตอกโฮล์ม แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถระบุประเภทของเรือที่บุกรุก หรือแม้กระทั่งสัญชาติของเรือที่บุกรุกน่านน้ำสวีเดนได้
แต่ทิศทางข่าวที่ออกมาชี้นิ้วไปที่รัสเซียว่าเป็นประเทศต้นตอของเรือดำน้ำลึกลับนี้ แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงยืนยันหนักแน่นว่า เรือดำน้ำของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
โดยก่อนหน้านี้ในปลายเดือนเดือนตุลาคม กองทัพสวีเดนระดมกำลังทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ตระเวนในน่านน้ำทะเลบอลติก ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ หลังจากได้รับรายงานที่เชื่อถือได้ว่ามีกิจกรรมใต้น้ำลึกลับใกล้กับหมู่เกาะของสวีเดนในทะเลบอลติก ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นเรือดำน้ำจากต่างประเทศ โดยการระดมกำลังดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อค้นหาว่ามีกิจกรรมใต้น้ำดังกล่าวในน่านน้ำของสวีเดนตามที่ได้รับรายงานจริงหรือไม่
พลเรือจัตวาโจนาส วิคสตรอม หัวหน้าปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้เปิดเผยว่า กองทัพสวีเดนได้ตัดสินใจเพื่มกำลังในทะเลบอลติกมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากการค้นหาขั้นต้นบ่งบอกว่ากิจกรรมใต้น้ำอาจเกิดขึ้นจริงตามที่ได้รับรายงาน โดยหนึ่งในเรือค้นหาในครั้งนี้ได้แก่เรือ "เอชเอ็มเอส วิสบี" เรือที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงของสวีเดน ขณะที่ทีมค้นหาที่ถูกส่งไปปฏิบัติการก็เป็นทีมที่มีความสามารถพิเศษด้านการใช้เครื่องมือเซนเซอร์เป็นอย่างดี
การระดมกำลังดังกล่าวนับเป็นการระดมกำลังทหาร เรือ และเฮลิคอปเตอร์ครั้งใหญ่ที่สุดของกองทัพสวีเดน นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น ขอบเขตของการค้นหาในครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 50 กิโลเมตรจากกรุงสตอกโฮล์มเท่านั้น โดยพลเรือจัตวาวิคสตรอมปฏิเสธที่จะบอกว่า กิจกรรมใต้น้ำลึกลับที่ว่าเป็นฝีมือของประเทศใด โดยบอกเพียงว่า กองทัพสวีเดนกำลังค้นหาข้อมูลเพื่อสรุปผลที่ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากข้อมูลที่มีขณะนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ยืนยันอะไรได้
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งต่างพุ่งเป้าไปที่รัสเซีย เนื่องจากเหตุการณ์ลักษระเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงสงครามเเย็น โดยในปี 2524 กองทัพรัสเซียได้ส่งเรือดำน้ำ "ยู 137" มาสอดแนมในน่านน้ำของสวีเดน ทำให้สวีเดน ซึ่งเป็นประเทศที่วางตัวค่อนข้างเป็นกลางไม่พอใจอย่างมาก โดยในช่วงท้ายของสงครามเย็น สวีเดนได้ออกไล่ล่าเรือดำน้ำของศัตรูที่ปฏิบัติการอยู่ในน่านน้ำของตน พร้อมกับทำลายด้วยระเบิดประเภท "เด็ธ ชาร์จ" ซึ่งเป็นระเบิดใต้น้ำที่มีไว้สำหรับทำลายเรือดำน้ำโดยเฉพาะ ข้อมูลดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายคาดว่า หากกิจกรรมใต้น้ำในครั้งนี้เกิดขึ้นจริงตามที่สวีเดนกล่าวอ้าง ก็มีความเป็นไปได้สูงที่กิจกรรมมดังกล่าวจะมาจากเรือดำน้ำของรัสเซีย
นอกจากนี้ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางการสวีเดนได้ส่งเรื่องประท้วงไปยังสถานทูตรัสเซียประจำกรุงสตอกโฮล์ม หลังจากที่มีเครื่องบินของกองทัพรัสเซียบินล่วงล้ำเข้ามาในน่านฟ้าของสวีเดนด้วย โดยสวีเดนระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการบุกรุกขั้นรุนแรง ขณะที่ฟินแลนด์ก็ออกมากล่าวหารัสเซียว่า เรือของกองทัพรัสเซียได้เข้าขัดขวางการทำงานของเรือวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมของฟินแลนด์ในเขตน่านน้ำสากล
ด้านรอยเตอร์สรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากสวีเดนและฟินแลนด์แล้ว ประเทศในกลุ่มบอลติกและนอร์ดิกหลายประเทศเองก็เริ่มกังวลกับพฤติกรรมของรัสเซียมากขึ้น หลังจากแหลมไครเมียถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม BBC รายงานในขณะนั้นว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ออกมาแถลงปฏิเสธแล้วว่า รัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กิจกรรมใต้น้ำในครั้งนี้ที่สวีเดนแต่อย่างใด
และล่าสุดความกังวลถึงกองกำลังรัสเซียได้ปรากฏอีกครั้งในการประชุม G20 ที่ได้เริ่มต้นในสุดสัปดาห์นี้ที่ออสเตรเลีย โดยพบว่ามีเรือรบรัสเซีย 4 ลำนอกชายฝั่งทางเหนือของแดนจิงโจ้ ซึ่งกองกำลังป้องกันออสเตรเลีย (Australian Defence Force) กล่าวในถ้อยแถลงว่า “พวกเขากำลังเฝ้าสังเกตการณ์กองเรือรัสเซียที่ปัจจุบันกำลังแล่นผ่านน่านน้ำสากลเข้ามายังทางเหนือของออสเตรเลีย”
ก่อนหน้านี้กองทัพเรือแดนหมีขาวเคยเคลื่อนกำลังในเวลาเดียวกับการประชุมซัมมิตนานาชาตินัดสำคัญๆ อย่างเช่น การประชุมเอเปกในสิงคโปร์เมื่อปี 2009 และเรือรบจากกองเรือแปซิฟิกของรัสเซียก็เคยติดตามมาพร้อมกับการเยือนนครซานฟรานซิสโก ของอดีตประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ เมื่อปี 2009
จูเลีย บิชอป รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า รัสเซียมีสิทธิที่จะมีกองเรือในน่านน้ำสากล แต่เรือเหล่านี้กำลังถูกติดตามอย่างใกล้ชิด
“ดิฉันเข้าใจว่าเรือเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในน่านน้ำสากล มันไม่ได้อยู่เหนือการคาดการณ์แต่อย่างใด รัสเซียมีสิทธิอยู่แล้ว เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่ได้รับสิทธิในการเดินทางข้ามน่านน้ำสากล” เธอบอกกับผู้สื่อข่าว
“เราได้รับทราบถึงการปรากฏของกองเรือนี้แล้วในช่วงเวลาหนึ่ง เรากำลังติดตามมัน และเท่าที่ดิฉันทราบในตอนนี้ กองเรือนี้ยังคงอยู่ในน่านน้ำสากล”
โดย 7 นิวส์ สื่ออสเตรเลียรายงานว่า โฆษกสถานทูตรัสเซียประจำออสเตรเลียได้ออกมายอมรับในวันศุกร์(14)ว่า ฝูงเรือรบรัสเซีย 4 ลำที่ลอยอยู่ไม่ห่างออสเตรเลียรอรับการมาเยือนของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 นั้นเป็นเรื่อง “ไม่ปกติ” แต่ทางสถานทูตอ้างว่าแท้จริงแล้วภารกิจของฝูงกองเรือรบฝั่งแปซิฟิกของรัสเซีย ที่ติดอาวุธหนักครบมือเต็มลำที่ถูกส่งมาจากมอสโกนั้นเพื่อ “การวิจัยสำรวจสภาพภาวะอากาศในเขตแอนตาร์กติก” รวมไปถึงทดสอบสมรรถนะ และยอมรับว่า “อาจรวมถึงการคุ้มครองผู้นำรัสเซีย” อีกทางหนึ่งด้วย แต่ปฎิเสธอย่างหนักแน่นว่าการมาของเรือรบหมีขาวไม่หวังต้องการให้ก่อความขัดแย้ง
ทั้งนี้สื่อออสเตรเลียวิเคราะห์ว่า การเดินทางมาของฝูงเรือรบรัสเซีย เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า นอกจากสหรัฐฯ และจีนที่พยายามช่วงชิงการนำในน่านน้ำเขตแปซิฟิกแล้ว รัสเซียยังคงมีบทบาทอีกด้วย
และนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โทนี แอบบ็อต ได้ให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่ารัสเซียน่าจะเตรียมการในเรื่องนี้นานนับหลายเดือน แต่เครมลินอ้างว่า ฝูงเรือรบเพิ่งออกจากท่าใน Vladivostok เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา 10 วันหลังจากที่แอบบ็อตท้าทายปูตินอย่างตรงไปตรงมา
“ต้องไม่ลืมว่า รัสเซียมุ่งที่จะแสดงแสนยานุภาพทางการทหารมากเกินไปในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา” แอบบ็อตกล่าว
โดยสื่อออสเตรเลียรายงานว่า แอบบ็อตกล่าวถึงรัสเซียในประเด็นที่ รัสเซียได้ส่งกองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เข้าไปยังสแกนดิเนเวียร์อย่างเปิดเผยหลังจากถอนสมอออกจากท่าที่ไครเมีย และส่งทหารพื้นราบเข้าไปยังยูเครน รวมทั้งส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลบินเหนืออเมริกากลาง โดยผู้นำออสเตรเลียได้เปิดเผยถึงการพูดคุยกับปูตินในการประชุมนอกรอบที่เอเปกในกรุงปักกิ่งล่าสุดว่า รัสเซียจะสามารถทำให้ประชาคมโลกหันมาชื่นชมมากขึ้นหากจะใช้ความเป็นผู้นำด้านการทหารมาใช้ในด้านสันติ มากกว่าที่จะพยายามปลุกอดีตสหภาพโซเวียตให้ตื่นกลับมาอีกครั้ง