เอเจนซีส์ - รัสเซียทูเดย์ สื่อรัสเซียได้เปิดเผยรายงานข้อมูลเรดาร์ที่เป็นหลักฐานแสดงว่า มีเครื่องบินรบอย่างน้อย 1 ลำ บินอยู่ใกล้กับ MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สขณะบินอยู่เหนือยูเครนในเขตอิทธิพลกลุ่มกบฎนิยมมอสโก แต่รัฐบาลออสเตรเลียชี้ คนที่รู้เรื่องดีที่สุดถึงเบื้องหลังเหตุ MH17 ตก คือประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และผู้นำรัสเซียต้องเปิดปากพูดความจริงในเรื่องนี้
สื่ออังกฤษ เดลิเมล รายงานเมื่อวานนี้(13)ว่า “รัสเซียทูเดย์” สื่อรัสเซียได้รายงานข้อมูลเรดาร์ที่รวบรวมมาจากหอบังคับการบินRostov-on-Don ที่ได้รั่วมาถึงมือสื่อหนังสือพิมพ์แดนหมีขาวแสดงว่า มีวัถุถลึกลับที่บินได้อยู่ใกล้ MH17 ในขณะที่เครื่องบินเที่ยวนี้ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สตกในวันที่ 17 กรกฎาคม และทำให้คนทั้งหมดที่อยู่บนเครื่อง เกือบ300 คนพร้อมสัตว์เลี้ยงต้องเสียชีวิตทั้งหมด และฝูงเครื่องบินลึกลับนี้ยังอยู่ในบริเวณนั้นร่วม 20 นาทีหลังเกิดเหตุแล้ว
ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารของรัสเซียได้อ้างว่า เครื่องบินรบยูเครนยิง MH17 ตก แต่สื่ออังกฤษชี้ว่า ดูเหมือนรัสเซียต้องใช้เวลาถึง 119 วันที่จะสามารถหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ ในขณะที่ทีมสอบสวนการตกของ MH17 ของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยังดำเนินการสอบสวนต่อไป ส่วนสื่อชาติตะวันตกได้ออกมาชี้ว่า กลุ่มกบฎยูเครนอยู่เบื้องหลังการตกของ MH17 ด้วยการใช้เครื่องยิงขีปนาวุธBUK สัญชาติรัสเซียยิงMH17 ตกในโดเนตสค์ ทางตะวันออกของยูเครนติดรัสเซีย
ด้านยูเครนได้ออกมาปฎิเสธว่า ไม่มีเครื่องบินลำไหนของยูเครนขึ้นบินในบริเวณใกล้เคียงในขณะนั้น
ทั้งนี้ข้อมูลทางจอมอนิเตอร์แสดงให้เห็นถึงสภาพการจราจรทางอากาศที่ Rostov และบริเวณใกล้เคียงในยูเครนในช่วงMH17 ตก เซอร์เก เมลนิเชนโก (Sergei Melnichenko) เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมความปลอดภัยทางอากาศรัสเซียให้สัมภาษณ์ หนังสือพิมพ์รัสเซีย Moskovsky Komsomolets รายงาน
แต่เมลนิเชนโกได้ให้ข้อมูลกับสื่ออังกฤษ เดลิเมล ภายหลังว่า ไม่จำเป็นว่าเครื่องบินที่จับสัญญาณจากจอเรดาร์ได้นั้นจะต้องเป็นเครื่องบินกองทัพยูเครน ซึ่งต่างจากที่ Moskovsky Komsomolets รายงานก่อนหน้านี้
โดยเมลนิเชนโกเผยว่า วัตถุบินได้นี้ต้องเป็นเครื่องบินที่มีคนขับมากกว่าที่จะเป็นสิ่งที่บินได้ขนาดเล็ก เช่น โดรน แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมความปลอดภัยทางอากาศผู้นี้ไม่สามารถระบุได้ว่า สิ่งที่บินได้นี้บินอยู่ในระดับความสูงเท่าใด
แต่ทว่า เซอร์เก เมลนิเชนโก ต้องยอมรับว่า นอกจากวัตถุบินได้ที่ถูกจับสัญญาณนี้นอกจากเป็นเครื่องบินรบแล้ว ยังอาจจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ได้เช่นกัน แต่ทว่าหากเป็นเฮลิคอปเตอร์ จะต้องมีผู้สังเกตเห็นจากภาคพื้นได้อย่างแน่นอน
เครื่องบินรบส่งสัญญาณเบื้องต้นออกมาที่ระบบเรดาร์สามารถจับได้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ าเป็นสัญญาณที่ออกมาจากเครื่องบินรบซึ่งต่างจากสัญญาณของเครื่องบินโดยสารที่บินผ่านจุดตกที่จะระบุสถานะของเครื่องบินอย่างชัดเจน
ทั้งนี้พบว่าMH17 ตกไม่กี่นาทีก่อนที่จะบินเข้าสู่น่านฟ้ารัสเซียซึ่งอยู่ในเขตการควบคุมของ Rostov
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รัสเซียจากRostovผู้นี้ยังอ้างว่า ข้อมูลที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิพม์รัสเซียนั้นเป็นข้อมูลที่ดึงออกมาโดยตรงออกมาจากหอควบคุมการจราจรทางอากาศRostov และลูกศรสีแดงชี้ไปยังเครื่องบินลึกลับที่มีจำนวนมากกว่า 1ลำ ซึ่งเซอร์เก เมลนิเชนโกชี้ว่า นี่แสดงให้เห็นว่า “เป็นเครื่องบินรบ” แน่นอน
“เราเชื่อมั่น 100 % ในผู้ที่ช่วยทำให้เรื่องนี้ปรากฏสู่สาธารณะ” เมลนิเชนโกให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซีย ซึ่งเขาชี้เป็นนัยว่า มีเครื่องบิน หรือฝูงเครื่องบินปรากฏ “บินวนเหนือจุดตกของ MH17” ในทันที หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 777 ตก ซึ่งข้อมูลจากระบบเรดาร์ของหอควบคุมการบินRostov บอกเราว่า สถานการณ์นั้นที่เกิดขึ้นเหนือบริเวณจุดตก และลากยาวร่วม 20 นาที”
และระบบเรดาร์รัสเซียยังบันทึกเครื่องบินโดยสารลำอื่นที่ไม่ระบุสัญชาติ รวมถึง MH17 จนกระทั่งถึงสัญญาณสุดท้ายที่ได้รับจากเครื่องบินสัญชาติมาเลย์
ทางเราทราบได้ทันทีในขณะที่เกิดเหตุ MH17 ตก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งทางทิศเหนือของเส้นทางการบิน MH17 มีฝูงเครื่องบินที่ไม่สามารถระบุสัญชาติกำลังบินอยู่
“และคาดว่าน่าจะเป็นเครื่องบินรบเพราะจุดที่แสดงนั้นอยู่ชิดกันมาก ทำให้เราสามารถสรุปว่าอาจจะเป็นเครื่องบินรบ 1 ถึง 2 ลำ ซึ่งหากเป็นกรณีเช่นนั้นจริง แสดงว่าจะต้องมีอะไรอยู่ในบริเวณนั้น”
ในภาพแสดงถึงเส้นสีน้ำเงินที่แสดงเส้นทางการบินของเครื่องบินโดยสารลำอื่น เส้นสีม่วงแสดงถึงเส้นทางการบิน MH17จนกระทั่งสัญญาณสุดท้ายที่ได้รับ
สื่ออังกฤษรายงานว่า ภาพยังแสดงถึงการปรากฏของเครื่องบินลึกลับ หรือวัตถุลึกลับที่บินได้แสดงอยู่ในกลุ่มที่กระจุดตัวที่อยู่ภายในวงกลมสีแดง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ในภาพไม่มีการแสดงเส้นทางการบินของวัตถุบินได้ลึกลับเหล่านี้ว่า บินมาจากทิศใดและจะไปที่ใด เป็นเพราะเครื่องบินลึกลับเหล่านี้ไม่ได้แสดงตัวเป็นเครื่องบินโดยสารเหมือนเช่นเครื่องบินโดยสารลำอื่นๆ
และเมลนิเชนโกให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงเรื่องนี้ว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะภาพที่เปิดเผยจากระบบเรดาร์นั้นเป็นการแสดงการบันทึกเพียงแค่ 20 นาทีซึ่งรวมถึงช่วงวินาทีที่โบอิ้ง 777 ตก
หมายความว่า ฝูงเครื่องบินลึกลับเหล่านั้นอาจจะอยู่ในบริเวณนั้นก่อนหน้านี้ หรืออาจจะเป็นไปได้ว่ารอจังหวะให้ MH17ปรากฏในจุดนั้น และฝูงเครื่องบินกลุ่มนั้นยังคงอยู่จุดนั้นในขณะที่การบันทึกได้สิ้นสุดลง
“เครื่องบินรบอาจจะไม่ได้ติดอุปกรณ์การสื่อสาร หรือนักบินอาจจะปิดระบบในขณะที่กำลังปฎิบัติภารกิจทางทหารอยู่” เมลนิเชนโกกล่าว
“ดังนั้นระบบเรดาร์แสดงภาพฝูงเครื่องบินที่ปรากฎในบริเวณนั้น แต่เราไม่สามารถอธิบายได้ว่านั่นคืออะไร หรือเป็นเครื่องบินประเภทไหน ระดับความสูงของฝูงเครื่องบินเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนที่สุดและเป็นจริงคือ มีฝูงเครื่องบินปรากฎตัวอยู่ที่นั่น” เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวต่อ
และยังกล่าวอย่างมั่นใจว่า ฝูงเครื่องบินลึกลับนี้จะต้องไม่ใช่เครื่องบินสัญชาติรัสเซียแน่นอน เพราะนาโตจะต้องออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้หากเกิดขึ้นจริง และนอกจากนี้ เมลนิเชนโกยังให้ความเห็นว่า นอกจากนี้ กลุ่มกบฎยูเครนไม่มีเครื่องบินรบในการครอบครอง
สื่ออังกฤษรายงานว่า การเปิดเผยล่าสุดของหนังสือพิมพ์รัสเซียสะท้อนในสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารของรัสเซียได้ออกมาแสดงทัศนะก่อนหน้านี้ ที่เปิดเผยว่าทั้งชาติตะวันตกและยูเครนอยู่เบื้องหลังการปกปิดความจริงถึง “การปรากฏตัวของเครื่องบินรบ” ที่บินอยู่ในบริเวณใกล้กับ MH17ในขณะเกิดเหตุ
“เป็นความจริงว่า ข้อมูลจากเรดาร์รัสเซียไม่สอดคล้องกับแถลงการณ์ที่ออกมาจากเคียฟที่ว่า เครื่องบินรบของยูเครนไม่ได้บินอยู่ในบริเวณนั้น” เจ้าหน้าที่รัสเซียให้ความเห็น
“นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตำแหน่งของจุดแสดงบนจอเรดาร์ ที่ปรากฎอยู่ทางซ้ายของเส้นทางบินของ MH17 นั้นสอดคล้องกับภาพถ่ายของบริเวณจุดตกที่เราเห็นได้ชัดว่า “บริเวณด้านซ้ายของห้องนักบินและปีกด้านซ้ายนั้นถูกยิง” เมลนิเชนโกให้ความเห็น
นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้รัสเซียยังโต้ในประเด็นถึงการใช้ระบบยิงขีปนาวุธ BUK โดยอ้างว่าระยะองศาไม่เหมาะสม ซึ่งรายงานของรัสเซียทูเดย์ครั้งนี้สอดคล้องกับความเห็นของผู้บัญชาการกองทัพอากาศรัสเซีย อีกอร์ มาคูเชฟ( Igor Makushev )ที่ได้ให้ความเห็นไว้หลังจากเกิดเหตุ MH17 ตก 4 วันหลังจากนั้น
แหล่งข่าวทางทหารในกรุงมอสโกได้ให้ข้อมูลว่า ทางรัสเซียได้บันทึกความความเร็วของเครื่องบินรบกองทัพยูเครนSukhoi-25 ที่ได้บินเข้ามาประกบเครื่องบินโดยสาร และบินในระยะห่าง 3-5 กม.
โดยมาคูเชฟอ้างว่า เครื่องบินรบยูเครนยังคงบินเหนือบริเวณจุดที่ MH17 ตกหลังเกิดเหตุแล้ว และในสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เรียกร้องให้มีการสอบสวนถึงสาเหตุการตกMH17 อย่างครอบคลุมและเปิดเผย แต่มัลคอม เทิร์นบูล(Malcolm Turnbull) หนึ่งในรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีโทนี แอบบ็อต ตอบโต้ปูติน ที่จะเยือนออสเตรเลียในวันนี้(14) เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ในบริสเบน โดยปูตินมีกำหนดเดินทางมาถึงออสเตรเลียในวันศุกร์ช่วงเย็น(14)
ทั้งนี้เทิร์นบูลได้เรียกร้องคำขอโทษจากปูตินหลังจากที่ก่อนหน้านี้แอบบ็อตได้ออกมากดดันเพื่อต้องการให้ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวขอโทษในเหตุ MH17 ตก ซึ่งมีผู้โดยสารชาวออสเตรเลียถึง 38 ชีวิตรวมอยู่ในนั้น
“เขาควรเริ่มต้นทำให้เรื่องนี้กระจ่าง แสดงความรับผิดชอบ กล่าวแสดงความเห็นใจและความเสียใจต่อผู้สูญเสีย รวมไปถึงขอโทษต่อญาติผู้ล่วงลับถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่ได้เกิดขึ้น” รัฐมนตรีออสเตรเลียให้สัมภาษณ์กับNine Network สื่ออสเตรเลีย
ในขณะที่บีบีซีอเมริการายงานเมื่อวานนี้(13)ว่า เนื่องจากเหตุการณ์ความตรึงเครียดระหว่างการสู้รบในโดเนตสค์ยังคงดำเนินไป ทำให้เป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่จะเข้าไปสำรวจในบริเวณจุดตก MH17ได้อีกครั้งก่อนหน้าหนาวในยูเครนจะเริ่ม