เอเจนซีส์ - รายงานภาพล่าสุด ปรากฎภาพกองคาราวานรถที่ขนทั้งT-90 และอาวุธหนักต่างๆ อาทิ ปืนใหญ่ มุ่งหน้าสู่ชายแดนยูเครนในวันจันทร์(18) และในวันต่อมาปรากฏกองคาราวานชุดเดิมเดินทางกลับเข้ารัสเซียในสภาพรถเปล่า ชี้เป็นนัยว่าประธานาธิบดีรัสเซียวลาดิมีร์ ปูติน ได้ส่งทั้งนักรบและอาวุธหนักเข้าไปในยูเครนอย่างเปิดเผย ทั้งๆที่ผู้นำทั้งสองชาติมีกำหนดการพบปะครั้งแรกในสัปดาห์หน้า
สื่ออังกฤษรายงานในวันอังคาร(19)ว่า พบภาพกองคาราวานรถร่วม 13 คันที่ขนทั้งรถถังT-90 และอาวุธหนักในเขตเรสตอฟ รัสเซียมุ่งตรงชายแดนยูเครนในวันจันทร์(18) และในวันถัดมากองคาราวานเดิมเดินทางกลับมาในสภาพว่างเปล่า ทำให้มีการเกรงว่าประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้แอบส่งกองทัพเข้าไปภายในดินแดนยูเครนแล้ว ที่มีทั้งทหารรัสเซียตลอดถึงอาวุธหนักเดินทางไปยังเขตอิทธิพลของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มติดอาวุธ
และเมื่อวานนี้(19)โดเนตสค์ได้กลายสภาพเป็นเขตสงครามในการปะทะระหว่างกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนยูเครนและกองทัพยูเครน สมาชิกกลุ่มติดอาวุธยูเครนใช้อาวุธปืนยิงเปิดทางที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง ในขณะที่ชาวโดเนตสค์อาศัยใกล้กับสำนักงานใหญ่ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนต่างหลบหนีและหาที่กำบังในระหว่างที่มีการโจมตีเกิดขึ้น
ร้านรวงในโดเนตสค์ปิดเร็วกว่าปกติ กลุ่มสมาชิกติดอาวุธขับรถตามถนนด้วยความเร็วสูงโดยไม่สนใจกฎจราจร ซึ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้นมีการปะทะเกิดขึ้นที่มาคิยิฟกา( Makiyivka) ชายขอบทางตะวันออกของโดเนตสค์ แต่จนกระทั่งถึงวันอังคาร(19)ยังไม่พบเห็นการปะทะแต่อย่างใด
ซิฟยาโตสลาฟ (Svyatoslav)ชาวบ้านที่อาศัยในมาคิยิฟกาได้ให้สัมภาษณ์ว่า เห็นกลุ่มติดอาวุธนิยมมอสโกออกคำสั่งให้รถพยาบาลฉุกเฉินวิ่งกลับออกไปจากที่เกิดเหตุ และบอกกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยเหล่านั้นว่า “ไม่มีใครอยู่รอดหลงเหลือต้องให้รักษา” โดยซิฟยาสโตลาฟกล่าวว่า “กลุ่มติดอาวุธนิยมมอสโกจำต้องล่าถอย เพราะไม่สามารถรักษาพื้นที่ต่อได้อย่างที่ต้องการ”
จากวิกฤตยุเครนตะวันออกยืดเยื้อ โลกตะวันตกและยูเครนร่วมกันกล่าวหารัสเซียว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฎยูเครนทั้งกำลังทหารและอาวุธข้ามเข้าไปในดินแดนยูเครน
และจากภาพถ่ายพบว่าทะเบียนรถบรรทุก 7 คันที่ปรากฎเดินทางกลับเข้ามารัสเซียในวันอังคาร(19)ตรงกับทะเบียนรถของกองคาราวานที่ขนรถถังT-90 รวมถึงอาวุธหนักต่างๆ อาทิ ปืนใหญ่ เข้าไปยังฝั่งยูเครนในวันอาทิตย์(18) และป้ายทะเบียนทุกแผ่นยังมีตัวเลข 21 กำกับที่ด้านขวาของทะเบียนรถ ซึ่งมีความหมายว่ารถบรรทุกเหล่านี้เดินทางมาจากอดีตเขตปกครองทหารคอคาซัสเหนือ(North Caucasus) รวมไปถึง เชชเนีย (Chechnya) และดาเกสถาน(Dagestan) โดยทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของเขตปกครองทหารใต้ของรัสเซียที่ตั้งขึ้นใหม่
กองคาราวานอาวุธหนักเหล่านี้ถูกพบอยู่ห่างจากพรมแดนทางใต้ของรัสเซียติดยูเครนราว 21 ไมล์ และดูเหมือนกองคาราวายังคงมุ่งหน้าตรงไปทางยูเครน ซึ่งเส้นทางนี้ใกล้กับจุดตรวจชายแดนที่กองคาราวานบรรเทาทุกข์ของรัสเซียได้ล่องหนหายเข้าไปในยูเครน
และจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เคียฟยังไม่อนุญาตให้กองคาราวานบรรเทาทุกข์เกือบ 300 คันเข้าสู่ยูเครน ด้วยสงสัยว่ารถบรรทุกเหล่านี้อาจขนอาวุธส่งต่อให้กลุ่มกบฎ แต่รัสเซียปฎิเสธและอ้างว่า มีแต่สิ่งของบรรเทาทุข์หนัก 2,000 ตัน
ในคืนวาน(19)มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 15 ศพหลังจากกองคาราวานผู้อพยพยูเครนถูกโจมตีโดยขีปนาวุธใกล้กับลูกานสค์ แต่ทางแนชันแนลการ์ดยูเครนกล่าวโทษ ว่าเป็นการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธนิยมมอสโก ในขณะที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนปฎิเสธความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
ลูกานสค์ได้ก้าวเข้าสู่วันที่ 17 เมื่อวานนี้(19)ที่ไม่มีทั้งน้ำและไฟใช้ และทำให้การสื่อสารทางโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์ทางบ้านถูกตัดขาด นอกจากนี้แถลงการณ์จากกองประชาสัมพันธ์ของเมืองลูกานสค์ได้บรรยายถึงสภาพความยากลำบากของชาวลูกานสค์ที่ต้องอยู่อย่างเสียขวัญในสมรภูมิรบ
ด้านทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย และยูเครนได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ทั้งปูตินและเปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครนมีนัดหมายหารือเป็นครั้งแรกที่กรุงมินสก์ เมืองหลวงเบลารุสในวันที่ 26 สิงหาคมนับตั้งแต่โปโรเชนโกได้รับเลือกตั้ง และนอกจากผู้นำทั้งสองชาติแล้ว ยังมีตัวแทนจากอียูและผู้นำเบลารุส รวมถึงคาซัคสถานเข้าร่วมอีกด้วย