เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่การแพทย์อเมริกันเปิดเผยวานนี้ (10 พ.ย) ว่าหมอในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อ “อีโบลา” รายล่าสุดที่สหรัฐฯ ตรวจพบ บัดนี้ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ และได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ในสัปดาห์นี้
เครก สเปนเซอร์ วัย 33 ปี ติดเชื้ออีโบลาขณะเดินทางไปรักษาผู้ป่วยในกินี ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการตายด้วยเชื้อไวรัสชนิดนี้สูง โดยแพทย์จะอนุญาตให้เขาออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้ (11)
เจ้าหน้าที่ระบุในคำแถลงว่า “ภายหลังที่ นพ.เครก สเปนเซอร์ คนไข้ซึ่งเข้ารับการรักษา และถูกวินิจฉัยพบเชื้อไวรัสอีโบลาที่ศูนย์การแพทย์ เอชเอชซี แบลวู ได้ผ่านขั้นตอนการรักษาและการตรวจสุขภาพอย่างเข้มงวด เราขอประกาศว่า เขาปลอดจากเชื้อไวรัสแล้ว”
คำแถลงยังเน้นย้ำด้วยว่า ไร้ความเสี่ยงที่จะมีผู้ติดเชื้ออีโบลาจากสเปนเซอร์แล้ว
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา สเปนเซอร์ ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแบลวู และผลการตรวจเลือดชี้ว่า เขาติดเชื้ออีโบลา ทำให้เขาเป็นคนแรกในนิวยอร์กที่ถูกวินิจฉัยพบเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้
แม้ว่า นิวยอร์ก จะเป็นจุดผ่านแดนที่พลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่ในเมืองนี้ได้ย้ำนักย้ำหนาว่า ได้เตรียมการอย่างเต็มที่ เพื่อรับมือกับผู้ติดเชื้ออีโบลา ซึ่งคร่าชีวิตประชากรไปราว 5,000 คน โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเซียร์ราลีโอน กินี และไลบีเรีย ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก
จนถึงตอนนี้ มีผู้ติดเชื้ออีโบลาผ่านมือแพทย์ในโรงพยาบาลสหรัฐฯ ไปแล้ว 9 ราย และเสียชีวิตไปเพียงคนเดียว
สำหรับผู้ติดเชื้ออีโบลาที่เสียชีวิตในสหรัฐฯ เป็นชายชาวไลบีเรียชื่อ โธมัส อีริก ดันแคน ซึ่งเดินทางไปมลรัฐเทกซัส ก่อนจะสิ้นลมเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ขณะที่พยาบาล 2 คนที่ดุแลเขาในหน่วยพยาบาลอันเข้มงวด ของโรงพยาบาลเทกซัสเพรสไบทีเรียน ก็พลาดพลั้งติดเชื้อไวรัสจากดันแคน ทว่า ตอนนี้ทั้งคู่หายเป็นปกติแล้ว
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม สเปนเซอร์ เดินทางกลับไปสหรัฐฯ โดยลงเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติ จอห์น เอฟ เคนเนดี
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า แม้ว่าสเปนเซอร์ ใกล้ชิดคลุกคลีกับคู่หมั้นและเพื่อนอีก 2 คน แต่เขาก็ได้พยายามปลีกตัวจากผู้อื่น และวัดอุณหภูมิร่างกายวันละ 2 ครั้ง
นอกจากนี้ เขายังไปโยนโบว์ลิง และใช้บริการรถไฟใต้ดิน ก่อนล้มป่วย ส่งผลให้ชาวนิวยอร์กบางส่วนพากันวิตกกังวลว่า อาจเกิดการแพร่ระบาดของอีโบลาในเมือง แม้ว่าเจ้าหน้าที่นิวยอร์กจะออกมารับประกันความปลอดภัยครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม
ทั้งนี้ โรคไข้เลือดออกร้ายแรงชนิดนี้จะไม่แพร่กระจายสู่คนอื่นๆ จนกว่าคนไข้จะเริ่มแสดงอาการต่างๆ อย่างเช่นมีไข้ ปวดเมื่อย อาเจียนและท้องร่วง แต่จะแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมขณะที่อาการผู้ป่วยทรุดหนักลง
ที่แอฟริกาตะวันตก ระบบรักษาพยาบาลที่ขาดงบประมาณสนับสนุนนั้นไม่สามารถควบคุมโรคมรณะนี้ให้อยู่หมัดได้ ส่งผลให้อีโบลาระบาดลุกลามเกินควบคุมในภูมิภาคนี้ จนมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 13,000 ราย
อัตราการตายของผู้ป่วยโรคไข้เขตร้อนอีโบลา ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ณ ปัจจุบันนั้นสูงถึงราวร้อยละ 70 เชื้อไวรัสชนิดนี้ติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ติดเชื้อ
