เอเจนซีส์ - นิวยอร์กยอมอนุญาตให้ดูอาการระยะเวลา 21 วันที่บ้านหลังจากทำเนียบขาวกดดันผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กและผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีให้ยกเลิกคำสั่งกักผู้เดินทางกลับมาจากแอฟริกาตะวันตก หลังจากพยาบาลชาวนิวเจอร์ซีขู่จะใช้สิทธิฟ้องร้องตามกฎหมายที่ปฏิบัติ่อเธอเยี่ยงสัตว์
สื่อสหรัฐฯ นิวยอร์กไทม์ รายงานว่า แหล่งข่าวสหรัฐฯกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับแอนดรูว์ โคโม (Andrew Cuomo) ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก และติดต่อกับคริส คริสตี (Chris Christie)เพื่อกดดันให้ผู้นำทั้งสองยกเลิกคำสั่งกักตัว 21 หลังจากบินเข้าสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หลังจากเคร็ก สเปนเซอร์ แพทย์ชาวนิวยอร์กวัย 33 ปีล้มป่วยด้วยโรคอีโบลาไม่นานหลังจากเดินทางกลับมาจากแอฟริกาตะวันตก และเขาได้ใช้บริการรถไฟใต้ดิน รวมถึงไปลานโบลิงสร้างความติ่นตระหนกในวงกว้างว่า อาจจะแพร่ไวรัสมรณะให้กับผู้อื่น และส่งผลให้รัฐนิวยอร์ก รัฐนิวเจอร์ซี และรัฐอิลลินอยส์ 3 รัฐในสหรัฐฯร่วมจับมือประกาศคำสั่งกักตัว 3 สัปดาห์กับทุกคนที่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส เซียร์ราลีโอน ไลบีเรีย และกินี ซึ่งเป็นแหล่งระบาดหลักของโลก และได้คร่าชีวิตไปเกือบ 5000 คน
มาตรการพิเศษนี้ออกมาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่ แอนโธนี ฟาวชี(Anthony Fauci) ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิคุ้มกันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯเรียกกฎนี้ว่า “เข้มงวดเกินไป” และได้เตือนให้ระวังถึงผลที่จะตามมา
“ผมไม่อยากวิพากษ์ตรงไปตรงมาถึงการตัดสินใจในการออกคำสั่งนี้ แต่เราต้องเตรียมรับถึงผลที่จะตามมา” ฟาวชีกล่าวในรายการ Meet The Press วันอาทิตย์ (26) ทางเครือข่าย NBC
“นิวยอร์กตื่นตัว เร่งรีบ และปิดประตูบ้านทันทีหลังพบเคสผู้ป่วยอีโบลาครั้งแรกในนิวยอร์ก ซึ่งการกระทำนี้ไม่ได้ชี้ชัดตามหลักวิทยาศาสตร์ว่าจะได้ผล” แหล่งข่าวทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์นิวยอร์ก ไทม์ส
ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซี และผู้ว่าการรัฐอื่นๆ ทราบถึงข้อห่วงใยของทำเนียบขาวต่อผลที่จะตามมาในนโยบายต้านอีโบลาที่ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากทางวิทยาศาสตร์ อาจส่งผลต่อความพยายามที่จะสู้กับโรคอีโบลาในแหล่งแพร่ระบาด เช่นในแอฟริกาตะวันตกได้” รอยเตอร์รายงานแถลงการณ์ของทำเนียบขาว
“ทางทำเนียบขาวต้องการให้รัฐเหล่านั้นทราบว่าในขณะนี้ทางทำเนียบขาวกำลังจัดทำข้อแนะนำสำหรับเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่เดินทางกลับเข้ามาในสหรัฐฯ เพื่อป้องกันพลเมืองสหรัฐฯ ทั้งประเทศปลอดภัยจากการติดโรคอีโบลา และในขณะเดียวกันยังคงร่วมกำจัดโรคอีโบลาในต้นตอแหล่งระบาดในแอฟริกาตะวันตก” รายงานจากแถลงการณ์ทำเนียบขาว
อย่างไรก็ตาม โคโมและคริสตีได้กล่าวปกป้องนโยบายดูอาการ 21 วันเมื่อวานนี้ (26) “ระดับรัฐมีอำนาจออกคำสั่งกักกันโรคได้ตามกฎหมายแน่นอน ไม่ต้องสงสัยในเรื่องนั้น” โคโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่น FM 103.9 “มันสามารถใช้บังคับได้ เพราะนี่เป็นคำสั่งทางบริหารระดับรัฐ คำสั่งทางสาธารณสุขที่ออกโดยหัวหน้าสาธารณสุขประจำรัฐ และสามารถบังคับใช้ตามกฏหมาย”
ในขณะที่คริสตี ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีได้ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวานนี้(26)ว่า “หน้าที่ของรัฐบาลคือการปกป้องความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชน ซึ่งผมคาดว่า นโยบายกักกันนี้จะกลายเป็นนโยบบายระดับประเทศในไม่ช้า เพราะจากความจริงที่เห็นกันอยู่ ขั้นตอนรับมืออีโบลาที่ CDC ประกาศนั้น เหมือนกับที่พาวชียอมรับเองว่า เป็นผลทำให้ผู้ติดเชื้อมีโอกาสสัมผัสกับประชาชนอเมริกันคนอื่นในพื้นที่หลังจากเดินทางกลับเข้าประเทศ
ผลการตัดสินใจของโคโมในการผ่อนกฎการดูอาการนี้มีขึ้นหลังจาก คาซี ฮิกค็อกซ์ (Kaci Hickox) พยาบาลชาวนิวเจอร์ซี ที่ประกาศจะฟ้องหลังถูกรัฐนิวเจอร์ซีกักตัวหลังเธอบินกลับเข้าสหรัฐฯจากการทำงานช่วยผู้ป่วยอีโบลาในเซียร์ราลีโอน
ซึ่งทนายความของฮิกค็อกซ์กล่าวว่า การปฏิบัติต่อลูกความนั้นละเมิดสิทธิเสรีภาพของพลเมืองสหรัฐฯ และกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐ
“ในขณะที่ฮิกค็อกยังคงไม่แสดงอาการล้มป่วย และไม่ปรากฏผลตรวจเชื้ออีโบลาเป็นบวก เราจะไม่เสียเวลาโต้เถียงกับรัฐว่ามีสิทธิหรือไม่ในการสั่งกักกันโรคภายใต้สถานการณ์พิเศษเช่นนี้ ซึ่งเราเห็นว่าขอบเขตคำสั่งนี้ที่บังคับใช้กับฮิกค็อกซ์กว้างมากเกินไป” ทนายความของฮิกค็อก์กล่าว
