“จีน-เกาหลีใต้” บรรลุข้อตกลง “เขตการค้าเสรี”

เอเจนซีส์ - รัฐบาลจีนและเกาหลีใต้ประกาศบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) “อย่างมีประสิทธิผล” วันนี้ (10 พ.ย.) ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเกาหลีใต้สามารถเข้าถึงตลาดใหญ่ในจีนได้มากขึ้น ทั้งยังลดอุปสรรคในด้านการค้าและการลงทุนระหว่าง 2 มหาอำนาจแห่งเอเชีย

โซลและปักกิ่งใช้เวลานานกว่า 2 ปีในการเจรจาเพื่อเปิดตลาดซึ่งกันและกัน แม้ผู้สังเกตการณ์ในฝั่งเกาหลีใต้จะยังเคลือบแคลงสงสัยอยู่บ้างที่เอฟทีเอฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอย่างรวดเร็ว

“ผู้นำเกาหลีใต้และจีนประกาศบรรลุเอฟทีเออย่างมีประสิทธิผล ในการประชุมซัมมิตซึ่งจัดขึ้น ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง” ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้อ้างถ้อยแถลงจากโฆษกรัฐบาล มิน คยุง-วุก

ถ้อยแถลงฉบับนี้ไม่ได้เอ่ยถึงรายละเอียดของเอฟทีเอ แต่ระบุว่าประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะมีพิธีลงนามเพื่อยืนยันความสำเร็จของการเจรจาในช่วงบ่ายวันนี้ (10)

การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างจีนและเกาหลีใต้มีขึ้น ในขณะที่โซลยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership - TPP) ที่สหรัฐฯ เป็นผู้ริเริ่ม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายอุปสรรคทางการค้าระหว่างชาติสมาชิกซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 12 ประเทศหรือไม่

จีนถือเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนเกาหลีใต้เป็นผู้ส่งออกลำดับที่ 7

เกาหลีใต้มีข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปอยู่แล้วก่อนหน้านี้

เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์เกาหลีใต้ชี้ว่า การเจรจาเอฟทีเอกับปักกิ่งยังไม่ถึงที่สุด ขณะที่สำนักข่าวซินหวาของจีนเอ่ยถึงการเจรจาว่า “ได้ผลสรุปอย่างเป็นรูปธรรม” ซึ่งก็หมายความว่า อาจจะยังมีรายละเอียดบางประการที่ต้องปรับแก้

สื่อแดนโสมรายงานว่า ผู้นำทั้งสองประเทศเห็นพ้องว่าไม่ควรรวมสินค้าข้าวเข้าไว้ในเอฟทีเอ ซึ่งเรื่องข้าวถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเจรจาการค้าระหว่างโสมขาวกับประเทศอื่นๆ เรื่อยมา

ซินหวาระบุว่า เอฟทีเอฉบับนี้จะครอบคลุม 17 ประเด็น รวมถึงการขายสินค้าออนไลน์ และการจัดซื้อของรัฐบาล

จีนและเกาหลีใต้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 1992 หลังจากนั้นมาการค้าระหว่างสองเพื่อนบ้านก็เติบโตขึ้นถึง 36 เท่า จากระดับ 6,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 1992 เพิ่มมาเป็น 228,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2013

เกาหลีใต้เป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีนมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 1993 โดยในปีที่แล้วได้ดุลสูงถึง 62,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นักวิเคราะห์ในแดนโสมมองว่า เอฟทีเอจะช่วยกระตุ้นการค้าและการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศได้อย่างจำกัด แต่ประโยชน์ที่สำคัญกว่านั้นคือการกระชับไมตรีระหว่างโซลและปักกิ่ง ซึ่งถือเป็นมหามิตรเพียงชาติเดียวของเกาหลีเหนือ

สงครามเกาหลีซึ่งปะทุขึ้นระหว่างปี 1950-53 ถูกระงับไว้ด้วยข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ ดังนั้นในทางเทคนิคเกาหลีเหนือและใต้จึงยังอยู่ในภาวะสงคราม

จีนเป็นผู้ริเริ่มเปิดการเจรจาลดอาวุธ 6 ฝ่ายระหว่างเกาหลีเหนือกับมหาอำนาจ 5 ชาติ ซึ่งได้แก่ จีน, สหรัฐฯ, รัสเซีย, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่เกิดจากกิจกรรมนิวเคลียร์ของโสมแดง แต่การพูดคุยก็ไร้ผลคืบหน้ามานานหลายปี