xs
xsm
sm
md
lg

“กอร์บาชอฟ” อดีตผู้นำโซเวียตชี้โลกจวนถลำสู่ “สงครามเย็น” เตือนยุโรประวังเป็นฝ่ายเจ็บหนักสุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชายชาวยูเครนเหลียวมองบ้านเรือนและรถยนต์ที่เสียหายยับเยินจากเหตุระดมยิงโต้ตอบกันระหว่างกล่มติดอาวุธใฝ่รัสเซียกับกองกำลังของรัฐบาลยูเครน ที่แคว้นโดเนตสค์ ทางตะวันออกของยูเครน (6 พ.ย.)
รอยเตอร์ – มิคาอิล กอร์บาชอฟ อดีตประธานาธิบดีสหภาพโซเวียต ออกโรงเตือน ขณะกล่าวสุนทรพจน์ ณ กรุงเบอร์ลินวานนี้ (8 พ.ย.) ว่ากระแสความตึงเครียดในยุโรปตะวันออก อันมีชนวนมาจากวิกฤตการณ์ยูเครนนั้นส่อเค้าจะฉุดโลกของเราเข้าสู่ “สงครามเย็น” อีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์สลายกำแพงเบอร์ลินผ่านไปนาน 25 ปี

กอร์บาชอฟ ซึ่งเป็นผู้เดินหน้ากระชับสัมพันธ์กับชาติตะวันตก จนนำไปสู่จุดสิ้นสุดของระบอบคอมมิวนิสต์ทั่วภูมิภาคยุโรปตะวันออก ได้เจาะจงกล่าวหาชาติตะวันตกและสหรัฐฯ ว่า ไม่ทำตามสัญญาหลังปี 1989

กอร์บาชอฟชี้ว่า “โลกของเรากำลังจวนจะเข้าสู่สงครามเย็นครั้งใหม่ ขณะที่ก่อนหน้านี้มีบางท่านออกมาเตือนแล้วว่า สงครามเย็นเปิดฉากขึ้นแล้ว” ในพิธี ซึ่งมีขึ้นที่เยอรมนีเพื่อรำลึกถึงบทบาทของเขาในการเป็นแนวหน้าสร้างเงื่อนไขต่างๆ อันนำไปสูการสลายกำแพงเบอร์ลินอย่างสงบเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ปี 1989 ที่เยอรมนี โดยเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ครั้งนั้นสะท้อนถึงอวสานของสงครามเย็น

“กระนั้น ในยามคับขันเช่นนี้ กลับไม่เห็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่เป็นผู้แทนนานาชาติ ออกมาแสดงบทบาทใดๆ หรือดำเนินการใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม”

ทั้งนี้ วิกฤตสู้รบที่ปะทุขึ้นทางภาคตะวันออกของยูเครนได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4,000 คน นับตั้งแต่กลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียได้ลุกฮือขึ้นเมื่อกลางเดือนเมษายน

รัสเซียออกมาประณามยูเครน และบรรดาชาติตะวันตกว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ดังกล่าว ขณะที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวว่า มีหลักฐานมากมายที่ชี้ชัดว่า รัสเซียแอบส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปสนับสนุนกลุ่มกบฏโปรรัสเซียในการเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดน
อดีตประธานาธิบดี มิคาอิล กอร์บาชอฟ แห่งสหภาพโซเวียตประทับมือลงบนปูนซีเมนต์เป็นที่ระลึก ระหว่างเยือนแนวกำแพงเบอร์ลินเก่า (7 พ.ย.)
นอกจากนี้ กอร์บาชอฟ วัย 83 ปียังวิพากษ์วิจารณ์ยุโรป พร้อมระบุว่า ในฐานะมหาอำนาจโลก ทวีปนี้กำลังจะเผชิญอันตราย จากการเบี่ยงเบนประเด็นปัญหา

เขากล่าวว่า “แทนที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงโลก แต่ยุโรปกลับหันไปสร้างความชุลมุนวุ่นวายทางการเมือง ที่มีการแข่งกันแผ่อิทธิพล และกลายเป็นความขัดแย้งทางการทหารไปในที่สุด”

“ผลทีตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้คือยุโรปอ่อนแอลง ขณะที่ศูนย์กลางอำนาจ และอิทธิพลอื่นๆ กำลังขยายอิทธิพลออกไปเรื่อยๆ ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ยุโรปจะเสียจุดยืนในกิจการทั่วโลก และค่อยๆ หลุดออกนอกวงไปทีละน้อย”

อดีตประธานาธิบดีโซเวียตกล่าว ในพิธีการที่ประตูแบรนเดนเบิร์ก กรุงเบอร์ลินว่า ชาติตะวันตกกำลังใช้อาศัยจังหวะที่รัสเซียอ่อนแอลง หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเมื่อปี 1991

เขาชี้ว่า “ในหัวเหล่าผู้นำชาติตะวันตกตอนนี้ มีแต่เรื่องความครึ้มอกครึ้มใจและชัยชนะ การฉวยจังหวะที่รัสเซียกำลังอ่อนแอและเสียอำนาจ พวกเขาผูกขาดความเป็นผู้นำและอำนาจโลก ทั้งยังไม่ใส่ใจคำเตือนจากคนมากมายที่นี่”

กอร์บาชอฟ บอกว่า ชาติตะวันตกผิดที่ทำให้รัสเซียผิดหวัง ด้วยการขยายขนาดปฏิบัติการทหารของนาโต ในพื้นที่ซึ่งในอดีตเคยเป็นประเทศยูโกสลาเวีย อิรัก ลิเบีย และซีเรีย และมีแผนจะใช้ระบบป้องกันขีปนาวุธ

อดีตผู้นำกล่าวว่า “สถานการณ์ในตอนนี้เปรียบไดกับแผลพุพองที่ตอนนีเริ่มช้ำเลือดช้ำหนอง เป็นแผลฟอนเฟะ และใครกันที่เดือดร้อนหนักที่สุดจากเรื่องพวกนี้ ผมคิดว่าคำตอบชัดเจนมากว่าคือยุโรป”
แนวกำแพงเบอร์ลินเก่า ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยสงครามเย็นเพื่อแบ่งแยกเยอรมนีตะวันออกกับตะวันตกออกจากกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น