xs
xsm
sm
md
lg

‘ผู้เชี่ยวชาญจีน’ ที่มุ่ง ‘ต่อต้านจีน’ ของโลกตะวันตก

เผยแพร่:   โดย: ธอร์สเทน แพตต์เบิร์ก

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

The rising cult of China experts
By Thorsten Pattberg
23/10/2014

พวก “ผู้เชี่ยวชาญจีน” ชาวตะวันตก ซึ่งมีทัศนคติเล็งเห็นว่าคณะผู้นำปักกิ่งเป็นพวกฉ้อฉลและครองอำนาจอย่างไม่ถูกต้องชอบธรรมนั้น กำลังวางกรอบกำหนดหลักคิดให้เป็นไปตามอำเภอใจของตนเองมากยิ่งขึ้นทุกที พวกเขาทั้งเฝ้าตรวจตราสื่อสังคม, ทำการลงโทษ “พวกแก้ต่างให้จีน” และเที่ยวสบประมาทให้ร้ายใครก็ตามซึ่งปฏิเสธไม่ยอมอภิปรายถกเถียงเรื่องจีนภายในกรอบค่านิยมวัฒนธรรมตะวันตก อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงย่อมมีอยู่ว่า จีนไม่ได้เป็นประเทศของพวกเขา และการแพร่กระจายแต่แง่ลบๆ เช่นนี้ก็กำลังสร้างพิษภัยให้แก่ทุกสิ่งทุกอย่าง

ปักกิ่ง - เมื่อไม่กี่ปีก่อน ผมได้พบชายชาวเยอรมันผู้หนึ่งที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาเฝ้าคุยโวเกี่ยวกับผลตอบแทนทางการเมืองที่ได้รับมา, การที่เขากำลังจะได้ไปเป็นวิทยากรขึ้นพูดในนครนิวยอร์ก, และเรื่องที่เขาทำงานหนักขนาดไหนเพื่อทำให้ทิเบตเปิดเสรีและทำให้จีนแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาอธิบายเหตุผลให้ผมฟังว่าในประเทศจีนนั้นไม่มีสิทธิมนุษยชนใดๆ เลย ผมรู้สึกประทับใจและก็เลยเตือนให้เขาระลึกว่า ถ้าเขาวางแผนกโลบายแบบนี้เพื่อเล่นงานรัฐบาลเยอรมันของพวกเราเองแล้ว เขาก็คงถูกจับกุมส่งขึ้นฟ้องศาลในข้อหาเป็นกบฏทรยศชาติ เขาจึงผละจากไปด้วยความโกรธกริ้ว

พวกที่มีความคิดทำนองนี้ไม่ได้มีแต่เขาคนเดียวหรอก มีชาวตะวันตกจำนวนไม่น้อยที่กำลังแสดงตนเป็นนักเผยแพร่ค่านิยมทางวัฒนธรรมและนักรบครูเสดผู้คิดว่าตนเองคือความถูกต้อง พวกเขากำลังก่อตัวขึ้นมาเสมือนกับว่าเป็นสาวกของลัทธิความเชื่อประเภทหนึ่ง ผู้ซึ่งมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะกำจัดขับไล่ประดาชาติที่ไม่ยอมเปลี่ยนมาเป็นแบบตะวันตก และช่วงชิงแย่งอำนาจจากรัฐบาลของชาติเหล่านี้

ในประเทศจีน พวกเขาประพฤติตนเสมือนหนึ่งอยู่เหนือกฎหมาย นั่นก็เพราะพวกเขามองว่ารัฐบาลจีนนั้นเป็นพวกฉ้อฉล, ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง, และเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีความถูกต้องชอบธรรมในการครองอำนาจ ดังนั้นทำไมจะต้องไปสนใจด้วยว่าทางการจีนจะพูดอะไรหรือมีจุดยืนอย่างไร ยิ่งกว่านั้น พวกนักเผยแพร่ลัทธิเหล่านี้ยังเชื่อด้วยว่า ชาวตะวันตกสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ตามแต่จะต้องการในประเทศจีน เพราะอเมริกาและกลไกโฆษณาชวนเชื่อของตะวันตกทั้งหลายทั้งปวง จะสามารถช่วยเหลือให้พวกเขาพ้นอันตรายได้ถ้าหากเกิดความยุ่งยากอะไรขึ้นมา

พวกที่เรียกขานกันว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญจีน” เหล่านี้ ในปัจจุบันกำลังกลายเป็นกลุ่มพลังทางการเมืองกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมุ่งคัดค้านพรรคคอมมิวนิสต์แดนมังกรอย่างโต้งๆ โจ่งแจ้ง คนเหล่านี้เกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นกระจุกและกลายเป็นเครือข่าย ที่มีการจัดลำดับชั้นและจรรยาบรรณหลักปฏิบัติอันแข็งแรง โดยที่พวกเขาจะให้รางวัลแก่ผู้ติดตามทางทวิตเตอร์และพวกเอาใจประจบประแจง รวมทั้งผลัดกันเขียน-เวียนกันอ่าน-วานกันเชียร์ผลงานของกันและกัน ขณะที่คอยเฝ้าติดตามตรวจสอบสื่อสังคม และทำการลงโทษ “คนทรยศ” หรือ “พวกแก้ต่างให้จีน”

เมื่อตอนที่ หยาง รุ่ย (Yang Rui) ผู้ประกาศข่าวคนหนึ่งของ ซีซีทีวี (CCTV ย่อมาจาก China Central Television สถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของประเทศจีน) ออกมาตำหนิประณามกิจกรรมต่างๆ ของชาวต่างชาติในกรุงปักกิ่ง ปรากฏว่าชื่อเสียงของเขาถูกพวกผู้เชี่ยวชาญจีนเหล่านี้กระทำการฆาตกรรมและนำเอาไปป่าวร้องประจานกันในระดับนานาชาติ ในฐานะที่เป็นตัวอย่างอันชัดเจนของสิ่งซึ่งจะบังเกิดขึ้น หากมีชาวจีนคนไหนก็ตามทีกล้าที่จะตั้งคำถามเอากับพวกเขา

ในโลกตะวันตกนั้น พวกกลุ่มสุดโต่งชาวต่างชาติทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา จะต้องถูกเฝ้าติดตามและถูกควบคุมอย่างเข้มงวดกวดขัน ทว่าไม่มีใครคอยควบคุมพวกนักจักรวรรดินิยมชาวตะวันตกเหล่านี้เลย คนเยอรมันจึงกำลังคอยให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่พวกนักแบ่งแยกดินแดนซินเจียง, พวกอเมริกันก็ให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่นักแบ่งแยกดินแดนไต้หวัน, คนอังกฤษให้ความสนับสนุนทางการเงินแก่นักแบ่งแยกดินแดนชาวทิเบต วงการสื่อมวลชนสหรัฐฯถึงขนาดจัดส่ง “กองทหารทางยุทธวิธี” เข้าไปยังฮ่องกง ด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่เด็ดเดี่ยวที่จะโค่นล้ม สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนตลอดจนครอบครัวของเขา

ลำดับชั้นของพวกผู้เชี่ยวชาญจีนชาวตะวันตกเหล่านี้ มีลักษณะอย่างนี้ : ตรงส่วนยอดบนสุดทีเดียว เราจะพบพวกนักปรัชญาและรัฐบุรุษ ผู้คอยทำหน้าที่จัดวางเวทีและระเบียบวาระซึ่งอ้างว่าเป็นอุดมการณ์สากล ทว่ากลับกำลังรับใช้เอื้ออำนวยเป็นพิเศษให้กับผลประโยชน์ทั้งหลายของฝ่ายตะวันตก คนเหล่านี้มักพำนักอาศัยกันอยู่ในโลกตะวันตก แทบไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับจีนหรือไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับจีนเลย และพูดอภิปรายถกเถียงเรื่องของจีนบนเงื่อนไขข้อกำหนดแบบตะวันตกเท่านั้น ในอดีตกาลที่ผ่านมา คนเหล่านี้ก็คือบุคคลอย่าง คานต์ (อิมมานูเอล คานต์ Immanuel Kant นักปรัชญาเยอรมันผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1724-1804), เฮเกล (จอร์จ วิลเฮล์ม ฟรีดริช เฮเกิล Georg Wilhelm Friedrich Hegel นักปรัชญาเยอรมันผู้มีชีวิตในระหว่างปี 1770 - 1831), และ วิลเฮล์มที่ 2 (Wilhelm II สมเด็จพระจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี ปี 1859-1941) สำหรับในทุกวันนี้ เรามีคนอย่าง เฮนรี คิสซิงเจอร์ ซึ่งหนึ่งในหนังสือที่เขาเขียนเมื่อไม่นานมานี้คือ “On China” (Henry "on China" Kissinger), ฟรานซิส ฟุกุยะมะ ที่ผลงานชิ้นโด่งดังที่สุดของเขาคือ “End of History” (Francis "End of History" Fukuyama), และ ซามูเอล ฮันทิงตัน เจ้าของทฤษฎี “Clash of Civilizations” (Samuel "Clash of Civilizations" Huntington)

ชั้นที่อยู่ในลำดับถัดลงมา เป็นพวกนักหนังสือพิมพ์และบรรณาธิการที่กินตำแหน่งสำคัญๆ อยู่ในสี่อทรงอิทธิพลอย่าง นิวยอร์กไทมส์ (New York Times), วอลล์สตรีทเจอร์นัล (Wall Street Journal), อีโคโนมิสต์ (Economist) อะไรทำนองนี้ พวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนผิวขาว หรือไม่ก็เป็นพวกสมรู้ร่วมคิดกับคนผิวขาว ต้องขอขอบคุณการผูกขาดสื่อทั้งหลายทั้งปวงบนพื้นพิภพดวงนี้ของโลกตะวันตก นักหนังสือพิมพ์และบรรณาธิการเหล่านี้จึงกลายเป็นชนชั้นนำเผด็จการฟาสซิสต์แห่งโลกในยุคใหม่ วัฒนธรรมของพวกเขามีการผสมพันธุ์กันอย่างใกล้ชิดในแวดวงที่คับแคบมาก และมีความสัมพันธ์ส่วนตัวบางประการซึ่งอยู่ตรงพรมแดนที่เป็นการผสมพันธุ์ระหว่างสายเลือดเดียวกันด้วยซ้ำไป ดังนั้นพวกเขาจึงต่างพะเน้าพะนอเกื้อกูลกันและกัน และนิยมเขียนเปิดโปงเรื่องราวฉาวโฉ่ไปในทำนองที่แทบจะเหมือนๆ กัน ทุกๆ คนในประเทศจีนต่างทราบกันดีว่าพวกเขาเป็นใครกันบ้าง และการตบตีต่อต้านจีนของพวกเขาก็เปิดไฟเขียวสว่างโร่คอยชักชวนให้พวกเราทั้งหลายเข้าไปร่วมในการโจมตีด้วย

ผู้เชี่ยวชาญจีนส่วนใหญ่ที่สุดนั้นเป็นพวกเชิดชูค่านิยมวัฒนธรรมตะวันตกชนิดถึงขุมขนสุดท้าย พวกเขาพร้อมแสดงขันติธรรมความอดกลั้นแก่ทุกๆ เชื้อชาติ ตราบใดก็ตามที่เชื้อชาติเหล่านั้นได้ผ่านกระบวนการแปรให้เป็นแบบตะวันตกรวมทั้งพูดจาด้วยภาษาอังกฤษ แต่พวกเขาจะแสดงความรังเกียจอย่างที่สุดต่อถ้อยคำต่างประเทศ, แนวความคิดต่างประเทศ, และคำศัพท์ที่ญัตติขึ้นโดยอิงภาษาต่างประเทศทั้งหลายทั้งปวง (พูดง่ายๆ ก็คือเป็นลัทธิจักรวรรดินิยมทางภาษานั่นเอง) พวกเขายังเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการตัดสินว่า ใคร (ไม่ว่าจะเป็นชาวจีนหรือชาวต่างประเทศ) ที่พึงได้รับการยกย่องชมเชย และใครที่พึงถูกให้ร้ายทำลายชื่อเสียง และสิ่งซึ่งสำคัญที่สุดก็คือ อะไรที่จะต้องถูกตัดออกไปจากรายงานว่าด้วยจีนของพวกเขา แน่นอนทีเดียว วิธีทำงานแบบฉ้อฉลของพวกเขาเองนั้นจะต้องถูกปกปิดไม่ให้เป็นที่รับรู้รับทราบ พวกคุณลองถามตัวเองดูเถอะ ครั้งสุดท้ายที่พวกคุณได้อ่านข้อเขียนสักชิ้นหนึ่งของชาวจีนผู้ทรงความสำคัญ (ซึ่งไม่ใช่พวกต่อต้านรัฐบาล) จากหน้าหนังสือพิมพ์ระดับชาติของพวกคุณเองนั้นคือเมื่อไหร่กัน? พวกคุณไม่เคยได้อ่านเลยใช่ไหม นี่แหละการควบคุมความคิดเห็นอย่างอยู่หมัดชะงัดนัก แบบเดียวกับที่จอร์จ ออร์เวลล์ เขียนเอาไว้ในนวนิยายเรื่อง “1984”

สุดท้าย ในลำดับชั้นข้างล่างสุด จะเป็นพวกกองทัพนักเฝ้าจับตาจีน (China watchers) ที่ด้อยความสำคัญลงมาและสามารถเขี่ยทิ้งไปได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นอะไร พวกเขาเหล่านี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นซึ่งได้รับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ อันงดงามเฉกเช่นผู้ที่ถูกมอบหมายให้โยกย้ายไปทำงานในต่างแดน, หรือมีญาติพี่น้องระดับบิ๊กเบิ้มในสื่อนั้นๆ , หรือมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ พวกเขาไม่สามารถเสาะหาตำแหน่งหน้าที่การงานอันเหมาะสมน่าภาคภูมิใจและฝากอนาคตเอาไว้ในเมืองจีน (ยกเว้นแต่จะกลายเป็นนักเคลื่อนไหว, บล็อกเกอร์, หรือเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ) ดังนั้นจึงระดมหามาใช้งานได้อย่างง่ายดายและสามารถที่จะเปลี่ยนให้กลายเป็นคนหัวรุนแรงได้อย่างรวดเร็ว ทุกๆ คนย่อมต้องเคยพบกับชาวตะวันตกขี้หงุดหงิดเหล่านี้ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเชื่อมั่นในตำแหน่งการงานของพวกเขา แต่แล้วก็ประสบกับความเป็นจริงอันน่าผิดหวัง และค้นพบหนทางที่จะใช้เวลาที่พวกเขามีอยู่ไปวันๆ นั่นคือ การตั้งตนเองเป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์คนจีนและดำเนินการวิพากษ์วิจารณ์แก้ไขความประพฤติของคนจีน

แน่นอนทีเดียว จีนไม่ได้เป็นเหยื่อเพียงรายเดียวของพฤติกรรมทำนองนี้ อันที่จริงแล้วอีก 6 อารยธรรมที่นอกเหนือจากอารยธรรมตะวันตก ล้วนแล้วแต่กำลังรู้สึกว่าถูกโบยตีจากแส้ของลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตกทั้งสิ้น ฝ่ายตะวันตกอ้างว่า ค่านิยมทางวัฒนธรรมของตนนั้น “เป็นสากล” รวมทั้งบอกปัดว่าไม่ขอรับผิดชอบ (และไม่สามารถรับผิดชอบ) ต่อกรณีที่มีปัจเจกบุคคลชาวตะวันตกไปแสดงพฤติกรรมมิชอบใดๆ ในดินแดนต่างประเทศ เนื่องจากปัจเจกบุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเสรีชนซึ่งสามารถไปรับจ้างใครก็ได้ทั้งสิ้น นี่ก็เป็นคำแก้ตัวเก่าแก่อันเดิมซึ่งใช้กันมาตั้งแต่ยุคลัทธิอาณานิคมล่าเมืองขึ้นแล้ว

การเข้าร่วมในพันธกิจของโลกตะวันตกในการนำเอาอารยธรรมอันสูงส่งมาสู่โลกตะวันออกนั้น เป็นสิ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงลิ่วในทางจิตวิญญาณ และอย่าไปคำนึงเลยว่ามันกำลังก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความไม่สงบทางสังคมขึ้นในแดนมังกร เพราะแท้ที่จริงแล้วมันคือการตอบโต้แก้แค้นอันหวานชื่นต่อการที่จีนไม่ยินยอมสยบจำนนต่อฐานะความเป็นเจ้าใหญ่นายโตของโลกตะวันตกต่างหาก

สำหรับเป้าหมายซึ่งพวก “ผู้เชี่ยวชาญจีน” ทั้งหลายนิยมหยิบยกขึ้นมาใช้โจมตีเล่นงานจีนนั้น ได้แก่ พวกเจ้าหน้าที่ซึ่งทุจริตฉ้อฉล, ชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ปราบปราม, ลัทธิคลั่งเชื้อชาติฮั่น (Han chauvinism) และการเกลียดชังดูหมิ่นสตรี, การชุมนุมเดินขบวน, การปั่นค่าเงินตรา, และการเซนเซอร์ข่าวสาร เหล่านี้ล้วนแต่ทำให้พวกผู้เชี่ยวชาญจีนรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง พวกเขาเกิดความรู้สึกเหมือนกับเป็นนักรบผู้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทางสังคม ทว่าปัญหาก็คือ นี่ไม่ใช่เป็นประเทศของพวกเขาเลย และการแพร่กระจายแต่แง่ลบๆ เช่นนี้ก็กำลังสร้างพิษภัยให้แก่ทุกสิ่งทุกอย่าง

ด้วยเหตุนี้ พวกผู้เชี่ยวชาญจีนจึงกำลังคอยเฝ้ามองหาคนจีนที่จะสามารถนำเอามาเป็นตัวแสดงแทนพวกเขาได้ ไม่ว่าจะเป็น พวกที่ไม่เห็นด้วยกับทางการ, พวกนักเคลื่อนไหวที่นิยมตะวันตก, คนแซ่หวังคนไหนก็ได้ที่สามารถโบกธงชาติอเมริกันได้ คนจีนที่ให้ความร่วมมือเหล่านี้ต่างได้รับการอุดหนุนเจือจานทั้งด้วยการได้เป็นข่าวทางสื่อมวลชน, รางวัลเกียรติยศต่างๆ, ตลอดจนผลประโยชน์ค่าตอบแทนทั้งหลาย, วีซ่าเข้าประเทศตะวันตก, รางวัลทางด้านเสรีภาพ, และแม้กระทั่งรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ยุทธวิธีเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่เป็นที่รับรู้รับทราบของพวก “zhishi fenzi” (ปัญญาชน) ชนชั้นซึ่งพร้อมจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้เป็นที่จับตาสนใจของสื่อตะวันตก (อย่างในกรณีที่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีอาร์ตติสต์ผู้หนึ่งจัดการผ่าเปิดหน้าอกและตัดเอากระดูกซี่โครงของตนเองออกมา โดยให้เหตุผลว่า เพื่อประท้วงเรียกร้องให้ “จีนเปิดเสรีมากยิ่งขึ้น”

ถ้าหากปักกิ่งกล้าหืออือกล้าแสดงการประท้วง ก็จะเผชิญกับการรณรงค์ด้วยความดุเดือดเพิ่มขึ้นอีกจากสื่อมวลชนตะวันตก จีนจะถูกขู่คำรามว่าอย่าได้คิดขัดขวาง “เสรีภาพ” ของชาวตะวันตก ถึงแม้เสรีภาพดังกล่าวนี้กำลังค่อยๆ บ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศจากภายใน ถ้าหากจีนพยายามเซนเซอร์ พวกเขาก็จะถูกขุดคุ้ยเปิดโปงความลับอันอื้อฉาว ครั้นพยายามที่จะจับกุมคุมขังพวกเขา พวกเขาก็จะกลายเป็นวีรชนผู้เสียสละ ทว่าถ้าเพิกเฉยไม่สนใจ พวกเขาก็จะทำให้พวกคุณตกอยู่ในอันตราย

ข้อเขียนนี้ปรากฏอยู่ในส่วน “Speaking Freely ” ของเอเชียไทมส์ออนไลน์ ซึ่งเป็นส่วนที่เปิดทางให้เหล่านักเขียนรับเชิญสามารถแสดงความคิดเห็นของพวก ตน โดยไม่จำเป็นต้องมีมาตรฐานทางด้านบรรณาธิการในระดับเดียวกับพวกนักเขียนที่ เขียนให้แก่เอเชียไทมส์ออนไลน์เป็นประจำ

ธอร์สเทน แพตต์เบิร์ก เป็นนักเขียนและนักวิจารณ์ด้านวัฒนธรรมชาวเยอรมัน เขาเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง The East-West Dichotomy, เรื่อง Shengren, และเรื่อง Inside Peking University
สหรัฐฯก่ออาชญากรรม “ขั้นอุกฤษฏ์” ในกัมพูชา: สัมภาษณ์นักน.ส.พ.อาวุโส ‘จอห์น พิลเกอร์’
เป็นเรื่องน่าหัวเราะเหลือเกินที่ เฮนรี คิสซิงเจอร์ ออกมายืนกรานว่า การทิ้งระเบิดอย่างลับๆ ในกัมพูชาในยุครัฐบาลประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน นั้น ได้สังหารประชาชนเป็นจำนวนน้อยกว่าการใช้อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) เข้าโจมตี ในยุครัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา เวลานี้ อันที่จริงแล้ว อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯผู้นี้ควรที่จะถูกนำตัวมาพิจารณาคดีพร้อมๆ กับ เคียว สมพร และพวกผู้นำเขมรแดงคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่สหรัฐฯกระทำลงไปในกัมพูชาคือการก่ออาชญากรรมอันอุกฤษฏ์ร้ายแรงที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น