xs
xsm
sm
md
lg

อดีตหน่วย ‘ซีล’ สหรัฐฯ ผู้ดับชีพ ‘บิน ลาเดน’ รายที่สองเผยตัว อ้างเป็นคนลั่นไกนัดสังหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โรเบิร์ต โอนีลล์
เอเอฟพี – อดีตสมาชิกหน่วยรบพิเศษ ซีล (SEAL) แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งร่วมปฏิบัติการจู่โจมบ้านของ โอซามา บิน ลาเดน เมื่อปี 2011 เปิดเผยตัวแล้ววันนี้ (7) และอ้างว่าตนเป็นคนลั่นกระสุนนัดที่ปลิดชีวิตผู้นำกลุ่มอัล-กออิดะห์รายนี้

โรเบิร์ต โอนีลล์ วัย 38 ปี บอกกับหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ ว่า เขายิง บิน ลาเดน ที่หน้าผาก ณ ที่กบดานของเขาในเมืองอับบอตตาบัดของปากีสถานเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

อดีตหน่วยคอมมานโดผู้นี้บอกกับ วอชิงตัน โพสต์ ว่า เขาตัดสินใจที่จะเผยตัวก่อนการปรากฏตัวต่อสื่อตามกำหนดการในสัปดาห์หน้า หลังจากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยโดย SOFREP เว็บไซต์ที่ดำเนินการโดยเหล่าอดีตสมาชิกหน่วยซีล

การเปิดโปงของ SOFREP เป็นการประท้วงการตัดสินใจของ โอนีลล์ ที่จะเปิดเผยบทบาทของเขาในภารกิจดังกล่าว

ชาวพื้นถิ่นรัฐมอนทานาผู้ได้รับเหรียญกล้าหาญชั้นสูงรายนี้บอกกับ วอชิงตัน โพสต์ ว่า เขาอยู่ใกล้กับหัวหน้ากองทหารที่บุกจู่โจมบ้านพักของ บิน ลาเดน และเสริมว่ามีสมาชิกหน่วยซีลอีกอย่างน้อย 2 คนที่ลั่นไกยิง

หนังสือพิมพ์เจ้านี้รายงายว่า มีสมาชิกหน่วยซีล 2 คนยืนยันตัวตนของเขาแล้ว โดยโอนีลล์ เตรียมที่จะปรากฏตัวในสารคดีบนเครือข่ายโทรทัศน์ของ ฟ็อกซ์ ในสัปดาห์หน้า
ภาพจำลองกลุ่มคารที่พักของ บิน ลาเดน
ณ กลุ่มอาคารบ้านพักของ บิน ลาเดน ตำแหน่งของ โอนีลล์ อยู่ที่ตำแหน่งหมายเลย 2 ซึ่งรับหน้าที่จู่โจมห้องนอนของหัวหน้ากลุ่มอัล-กออิดะห์รายนี้ โดย บิน ลาเดน โผล่ออกมาให้เห็นอยู่ครู่หนึ่งที่ประตูห้อง แต่สมาชิกหน่วยซีลคนข้างหน้า โอนีลล์ ยิงพลาดเป้าอย่างชัดเจน

โอนีลล์ เล่าว่า “ผมม้วนตัวผ่านเขาเข้ามาในห้อง ห่างจากประตูไม่มาก บิน ลาเดน ยืนอยู่ตรงนั้น เขาวางมือลงบนไหล่ของหญิงรายหนึ่งและผลักเธอมาด้านหน้า”

โอนีลล์ กล่าวว่า แม้ว่าห้องจะมืดสนิท แต่เขาก็สามารถระบุตัว บิน ลาเดน ได้อย่างแน่ชัดผ่านกล้องมองกลางคืนของเขา จากนั้นเขาจึงลั่นไกยิง

อดีตสมาชิกหน่วยซีลผู้นี้ ระบุว่า มันชัดเจนว่า บิน ลาเดน เสียชีวิตแน่แล้ว เพราะกะโหลกศีรษะของเขาแตกออก

โอนีลล์ เป็นสมาชิกคนที่สองของหน่วยระดับพระกาฬหน่วยนี้ที่มีส่วนทำให้ปฏิบัติการปลิดชีพ บิน ลาเดน กลายเป็นที่รับรู้ในสังคม ความเคลื่อนไหวซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับเจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพและเหล่าสมาชิกหน่วยซีลผู้อุทิศตน ซึ่งยังคงรักษากฎแห่งการปิดปาก ที่คล้ายคลึงกับกฎแห่งโอเมลดา (Omerta) อันโหดเหี้ยมของพวกมาเฟีย

แมตต์ บิสซอนเน็ตต์ ผู้ออกมาเปิดเผยภารกิจนี้รายแรก ได้ตีพิมพ์หนังสือบันทึกปฏิบัติการดังกล่าวในชื่อ “No Easy Day” เมื่อปี 2012 ภายใต้นามแฝง มาร์ค โอเวน

ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว เอ็นบีซี นิวส์ บิสซอนเน็ตต์ ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ต่างๆ ในเวอร์ชันของ โอนิลล์ โดยเขากล่าวว่า “คนที่ต่างกัน 2 คนกำลังเล่าเรื่องที่ต่างกันเพื่อเหตุผลที่แตกต่างกัน” และเสริมว่า “ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ผมไม่อยากมีเอี่ยวด้วย”
แมตต์ บิสซอนเน็ตต์
วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า โอนีลล์ กลัดกลุ้มอยู่นานว่าจะเผยตัวต่อสาธารณะดีหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจก้าวออกมา หลังจากเป็นกังวลว่าคนอื่นจะเปิดโปงตัวตนของเขา ซึ่งก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วในแวดวงกองทัพ , สมาชิกสภาคองเกรสและสำนักข่าวอย่างน้อย 2 แห่ง

ท้ายที่สุด เขาตัดสินใจจะเปิดเผยตัว หลังจากพบปะกับญาติของเหยื่อเหตุโจมตีอาคารเวิร์ล เทรด เซ็นเตอร์ ในนิวยอร์กเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001

โอนีลล์ กล่าวว่า เขาตัดสินใจ ณ ที่นั้นว่าจะบอกเล่าว่า บิน ลาเดน ตายได้อย่างไร โดยเขาบอกกับ วอชิงตันโพสต์ ว่า “ครอบครัวเหล่านั้นบอกผมว่า มันได้ช่วยให้พวกเขาได้พบทางออก”

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของเขาได้เผชิญกับความเดือดดาลจากเพื่อนร่วมหน่วยซีลบางคน

ในจดหมายถึงกองทหารของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือที่ลงวันที่ 31 ตุลาคม พ.จ.อ.ไมเคิล มาการาซี และพล.ร.ต.ไบรอัน โรซี เน้นย้ำว่า “หลักการพื้นฐาน” ของกองกำลังนี้คือ “ข้าพเจ้าจะไม่โฆษณาสภาพการปฏิบัติงานของข้าพเจ้า และไม่แสวงหาการยอมรับในการกระทำของข้าพเจ้า”

ในขณะที่เข้าร่วมปฏิบัติการจู่โจมกลุ่มอาคารบ้านพักของ บิน ลาเดน โอนีลล์ ปฏิบัติงานในฐานะสมาชิกหน่วยซีลมาแล้วเกือบ 15 ปี และกำลังปฏิบัติงานในหน่วยระดับหัวกะทิ ซีล ทีม ซิกซ์ (Seal Team Six)

ในปี 2009 เขาเข้าร่วมภารกิจช่วยเหลือกัปตันเรือคนหนึ่งจากพวกโจรสลัดนอกชายฝั่งโซมาเลีย เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ที่มีดารารุ่นใหญ่อย่าง ทอม แฮงส์ นำแสดงเป็นกัปตัน ริชาร์ด ฟิลลิปส์
กำลังโหลดความคิดเห็น