xs
xsm
sm
md
lg

“รองฯธีรวัจ” คู่ปรับ “เบนซ์ ท่าทราย” สินบนเจาะยางตำรวจได้กลิ่นวิสามัญฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายอดิศักดิ์ ศรีสะอาด หรือ เบนซ์ ท่าทราย
พ.ต.อ.สุทธิ พวงพิกุล รอง ผบก.สุพรรณบุรี ยืนยันว่า พ.ต.ท.ธีรวัจ เป็นนายตำรวจที่ตั้งใจทำงาน ที่ผ่านมาเคยมีผู้ต้องหายาเสพติดเอาสินบนมาให้ 2 ราย รวมเป็นเงิน 1 ล้านบาท แต่ พ.ต.ท.ธีรวัจ ไม่รับ และยังจับฐานให้สินบนเจ้าหน้าที่ด้วย

พฤติกรรม “ห้าว” ของแก๊งยาบ้า “เบนซ์ ท่าทราย” กลายเป็นจุดสนใจของสังคมไทยในทันทีที่กล้าโพสต์รูปถืออาวุธสงคราม และประกาศฆ่าล้างโคตรตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เพราะตั้งแต่ตั้งกรมตำรวจ มากระทั่งยกระดับเป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ก็เพิ่งมีกรณีนี้เป็นกรณีแรก จึงทำให้สื่อมวลชนทุกแขนงให้ความสนใจติดตามการเคลื่อนไหวอย่างใก้ลชิด

รวมทั้งดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าจะกู้หน้าจากการถูกหยามแบบซึ่งๆ หน้านี้ได้อย่างไร

ตามประวัติคร่าวๆ ของ “เบนซ์ ท่าทราย” หรือชื่อจริง นายอดิศักดิ์ ศรีสะอาด อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาอยู่หมู่บ้านท่าทราย ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เข้าสู่วงการค้ายาบ้ามาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น โดยเริ่มจากเด็กเดินยาแล้วค่อยๆ ขยับขึ้นมาเป็นคนค้า เมื่อปี 2550 เข้าไปพัวพันกับคดีฆ่าผู้อื่น ซึ่งมีสาเหตุมาจากการค้ายาเสพติด แต่หลุดรอดมาได้ในชั้นอัยการ จนปีต่อมาถูกจับคดียาเสพติดถูกศาลตัดสินจำคุก 1 ปี ช่วงนี้เอง “เบนซ์ ท่าทราย” อพยพครอบครัวมาอยู่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี แต่ยังคงวนเวียนหากินอยู่แถวท่าทราย สุพรรณบุรี ดังเดิม เพราะกลุ่มลูกค้านอกจากวัยรุ่นทั่วไปแล้ว ยังมีบรรดากรรมกรท่าทราย รวมไปถึงโชเฟอร์ เด็กท้ายรถที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพขับรถบรรทุกทราย วิ่งเข้าวิ่งออกหมู่บ้านตลอดทั้งวันทั้งคืน จึงสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

ชื่อชั้นของ นายอดิศักดิ์ ยังถือว่าเป็นนักค้าระดับย่อย หากนำไปเทียบกับเครือข่ายอื่นๆ แต่สำหรับในพื้นที่ภาค 7 นายอดิศักดิ์ หรือ เบนซ์ ท่าทราย ถูกตำรวจขึ้นบัญชีในฐานะผู้ค้ารายสำคัญ และก่อนหน้ามีการจับกุมเครือข่ายเบนซ์ ท่าทราย มาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อ นายอดิศักดิ์ เกิดตบะแตกโพสต์ภาพตัวเองถอดเสิ้อโชว์ลายสักเขียวทั้งตัว โดยมือทั้งสองถืออาวุธสงคราม แสดงความอหังการ และยังลงข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า....

ไม่ยอมเลิกกวนพวกกูใช่ไหม ตำรวจ...แบบมึง กูน่าจะยิงทิ้งไปตั้งนานแล้ว ไม่น่าปล่อยให้แค่โดนตั้งกรรมการสอบเลย ถ้ามึงรังควานกูมากๆ เดี๋ยวมึงตายยกครัว จะหาว่ากูทำรุนแรงเกินแล้วกัน...ไม่ต้องหนีละ กูจะล่ามึงให้เหมือนหมาตัวหนึ่ง กูไปไม่เจอมึงไม่เป็นไร กูเจอพ่อมึง กูยิง เจอแม่มึง กูยิง เมียมึงลูกมึงพวกมันต้องตาย ญาติโกโหติกาจะฆ่าให้หมด...และมีข้อความสุดท้ายก่อนเฟซบุ๊กจะปิดระบุว่า “เดี๋ยวกูจะเอาลงไปให้เยอะกว่าเก่า เอาสักอาทิตย์ละ 100,000 เม็ด เป็นไง พวกมึงจับ กูจะประกันให้หมดทุกคน มึงจับกูขายดูสิใครจะมีปัญญาอยู่ได้นานกว่ากัน

แต่ตำรวจ...แบบพวกมึงเดี๋ยวก็ตาย...กันหมดแล้ว ตำรวจ สภ.ศรีประจันต์ ชุดปราบปรามประจันต์ 4 มีอยู่กันกี่ตัววะ กูจะได้ขุดหลุมถูก”

ทันทีที่ข้อความนี้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ตำรวจใหญ่ต่างพากันนั่งไม่ติด โดยเฉพาะ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้ออกตามล่าตัวอย่างทันควัน ขณะที่เกิดปฏิกิริยากับนายตำรวจชื่อดังอีกคนหนึ่ง โดย พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว ว่า เป็นเรื่องที่หยามตำรวจมาก หากอำนาจรัฐไม่สามารถที่จะรักษาบ้านเมืองได้คนร้ายออกมาท้าทายในลักษณะนี้ สังคมคงแย่ แต่ตนก็จะรับผิดชอบในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ

“บ้านเบนซ์ อยู่ที่นนทบุรี ผมก็จะให้ไปดูแลอย่างดี รวมทั้งบ้านญาติเขาด้วย ถ้าคนร้ายออกมาท้าทายอำนาจรัฐ มาท้าทายกฎหมาย ทำเหมือนบิน ลาเดน บิน ลาเดน ถือปืนกระบอกเดียว ไอ้นี่ 2 กระบอกเลย ขู่จะฆ่าตำรวจทั้งโรงพัก สังคมมันแย่มัน Out of control แล้วมันควบคุมไม่ได้นะครับ แม้ว่าผมอายุจะมากขนาดนี้ มาเลยเบนซ์ มาเจอมา ไม่ได้ท้านะครับ บอกให้มาเฉยๆ มามอบตัว” อำนวยบอก

หลังจากนั้น อีกเพียงวันเดียว “เบนซ์ ท่าทราย” โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเป็นครั้งที่ 2 มีใจความว่า “กูเป็นโจร กูขายยา กูยังกล้ารับเลย เพราะกูมีศักดิ์ศรีพอ แต่มึงเป็นตำรวจแท้ๆมึงกลัวความผิด หาว่ากูใส่ร้าย ทำตัวเสื่อมเสียสถาบันตำรวจหมด ส่วนตำรวจท่านไหนมั่นใจว่าไอ้รองฯธีรวัจ ไม่มีความผิด เด้งขึ้นมา แสดงตัวขึ้นมาเลย ถ้ามันไม่จริงอย่างที่ผมบอกไปผมจะมอบตัวและเดินเข้าไปให้ท่านที่กล้าแสดงตัวแตะหน้าด้วยตัวผมเอง แล้วถ้ามันผิดจริงอย่างที่ผมบอกไว้แล้วแต่ท่านจะใช้วิจารณญาณของท่าน วันที่เท่าไหร่ไม่แน่ชัด น่าจะประมาณวันที่ 13-6-57 ถึงวันที่ 17-6-57 เวลาประมาณ 20.00-22.00 น. บริเวณจุดพักรถในปั๊ม ปตท. (ภานุสรษ์) ผมเดินขึ้นรถเก๋งสีดำ ทะเบียน 9744 หรือว่า 9477 ที่ไอ้รองฯธีรวัจ ขับมาจริงไหม ลองดำเนินการตรวจสอบดู นี่แค่ตัวอย่างแรก ยังมีอีกเยอะที่ผมได้รวบรวมไว้ เสียงที่บันทึกไว้ เงินที่ถ่ายเบอร์แบงก์ไว้ทุกครั้ง ที่ส่งให้ (ประสบการณ์ล้วนๆ) เพราะผมไม่เคยเชื่อใจตำรวจ และผมก็ต้องขอบคุณท่านอำนวย ผมได้ดูคลิปที่ส่งให้ผมแล้ว ขอขอบคุณที่ส่งคนมาดูแลบ้านให้ ทางผมจะได้มั่นใจว่าบ้านผมและก็ญาติผม เพื่อนๆ ผมจะปลอดภัย ขอขอบคุณ จากเบนซ์ ท่าทราย”

และการแฉข้อมูลรอบที่ 2 นี้เองยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ฝ่ายตำรวจเปิดยุทธการไล่ล่าอย่างจริงจัง จนมีข่าวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากกองกำลังทหารกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ตะเข็บชายแดนไทย-พม่า บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ว่า สามารถจับกุมนายอดิศักดิ์ ศรีสะอาด หรือ “เบนซ์ ท่าทราย” ไว้ได้แล้ว และเตรียมส่งตัวเข้าเขตไทยเพื่อให้ทางการสอบสวน และมีการนัดหมายกับสื่อมวลชนเตรียมแถลงข่าวตอนเย็นวันเดียวกัน แต่ปรากฏว่าข่าวการจับกุมผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 ออกมาปฏิเสธว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดยังไม่มีการจับ เบนซ์ ท่าทราย แต่อย่างใด

เมื่อเกิดความสับสนจึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา บ้างก็ว่าตำรวจอาจจะเตรียมวิสามัญฆาตกรรม “เบนซ์ ท่าทราย” เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่บางกระแสมีข่าวออกมาทำนองว่าทหารกะเหรี่ยงที่ให้การคุ้มครองนายอดิศักดิ์ กำลังต่อรองค่าหัวกับทางการไทยอยู่และเมื่อตกลงกันได้ชะตากรรมของ “เบนซ์ ท่าทราย” จะเป็นเช่นไร ไม่อาจคาดเดาได้

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่สังคมยังจับจ้องและถือว่าค้างคาใจกันอยู่ ก็คือ ข้อมูลเกี่ยวกับนายตำรวจคนหนึ่งที่นายอดิศักดิ์ ระบุชื่อรวมทั้งวันเวลา สถานที่ส่งส่วยยาเสพติดกันอย่างชัดเจนแม้คดีนี้จะจบลงเช่นไร จะจับเป็นหรือจับตายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ควรไขปริศนาลายแทงที่เบนซ์ ท่าทราย ทิ้งไว้ให้ทั้งนี้ก็เพื่อความโปร่งใสตามนโยบายของรัฐ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งยังก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายรวมทั้งผู้ถูกกล่าวหาเองด้วย

สำหรับ พ.ต.ท.ธีรวัจ เวชวงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.ศรีประจันต์ เคยออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของ “เบนซ์ ท่าทราย” มาแล้วครั้งหนึ่งโดยยืนยันไม่เคยเกี่ยวข้องกับการรับส่วยหรือสินบนใดๆ เลย ที่ผ่านมาเป็นคนลงมือจับเครือข่ายเบนซ์ ท่าทรายถึง 9 คน หนึ่งในนั้นมีภรรยานายอดิศักดิ์ด้วย ซึ่งในขณะนี้เครือข่ายยังมีมากกว่า 16 คน ทำให้เกิดความโกรธแค้น จึงหาเรื่องโพสต์ข้อความเพื่อให้ตนกับเจ้าหน้าที่คนอื่นถูกตั้งกรรมการสอบ

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.สุทธิ พวงพิกุล รอง ผบก.สุพรรณบุรี ยืนยันว่า พ.ต.ท.ธีรวัจ เป็นนายตำรวจที่ตั้งใจทำงาน ที่ผ่านมา เคยมีผู้ต้องหายาเสพติดเอาสินบนมาให้ 2 ราย รวมเป็นเงิน 1 ล้านบาท แต่ พ.ต.ท.ธีรวัจ ไม่นับและยังจับฐานให้สินบนเจ้าหน้าที่ด้วย

คนหนึ่งโจรค้ายาบ้า คู่กรณีอีกคนเป็นตำรวจ โจรกล่าวหาตำรวจรับสินบน ตำรวจปฏิเสธ เรื่องนี้อย่ารีบปักใจเชื่อใคร เพราะอาจจะเป็นไปได้และไม่จริงก็ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น