รอยเตอร์ –นายกรัฐมนตรี อาเหม็ด ดาวูโตกลู แห่งตุรกีกล่าวหาว่ากองทัพซีเรียก่อเหตุสังหารหมู่ในและนอกเมืองอเลปโป และกล่าวว่า ตุรกีจะเผชิญกับวิกฤตผู้ลี้ภัยรอบใหม่ครั้งใหญ่ หากมีเมืองของซีเรียตกไปอยู่ในมือของดามัสกัสอีกเป็นแห่งที่สอง
ขณะที่เครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯทิ้งระเบิดใส่กองกำลังกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในพื้นที่บางส่วนของซีเรีย กองทัพของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ยกระดับปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มกบฏบางกลุ่มในภาคตะวันตกและภาคเหนือ ที่วอชิงตันถือว่าเป็นพันมิตร รวมถึงในและนอกเมืองอเลปโป
อังการากำลังผลักดันให้กลุ่มพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ขยายปฏิบัติการให้ครอบคุลมทั้งการจัดการกับ อัสซาด และกลุ่มไอเอส โดยเรียกร้องว่า สันติภาพไม่มีทางเกิดหากเขายังอยู่ในอำนาจ
“เรากำลังเฝ้าดูพัฒนาการในอเลปโปด้วยความกังวล ถึงแม้ว่าเมืองแห่งนี้จะยังไม่ถึงขั้นเสี่ยงต่อการล่มสลาย แต่ก็อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างรุนแรง” ดาวูโตกลู บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (4) หลังเสร็จสิ้นจากประชุมกับบรรดานายพลอาวุโสของตุรกี
อเลปโป ซึ่งเคยเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในซีเรียก่อนสงครามนี้ปะทุขึ้น ได้ถูกแบ่งครึ่งอย่างไม่ชัดเจนระหว่างกลุ่มต่อต้านในตะวันออกและกองทหารรัฐบาลในตะวันตก ในปีนี้กองกำลังของ อัสซาด ได้โอบล้อมที่มั่นของกลุ่มกบฏอย่างช้าๆ เพื่อหาทางตัดเส้นทางเสบียง
ดาวูโตกลู กล่าวว่า กองกำลังของ อัสซาด กำลังก่อเหตุ “สังหารหมู่ครั้งใหญ่” ด้วยการทิ้งระเบิดถังน้ำมันบริเวณพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกของเมืองอเลปโป ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพปลดแอกซีเรีย (เอฟเอสเอ)
“หากเมืองอเลปโปล่ม พวกเราในตุรกีจะเผชิญกับวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่รุนแรงและน่าวิตกอย่างแท้จริง นี่คือเหตุผลว่าทำไม่เราถึงต้องการพื้นที่ปลอดภัย” เขากล่าว