เอเอฟพี – ฮารุกิ มุราคามิ นักเขียนนวนิยายชื่อดังชาวญี่ปุ่น ออกมาให้สัมภาษณ์ติเตียนรัฐบาลโตเกียวว่ายังคงปัดความรับผิดชอบต่อความก้าวร้าวของญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และไม่พยายามเสาะหาต้นเหตุที่แท้จริงของวิกฤตนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ
หนังสือพิมพ์ ไมนิจิชิมบุน ฉบับวันนี้(3) ได้ลงบทสัมภาษณ์นักเขียนดังวัย 65 ปี ซึ่งระบุว่า “ไม่เคยมีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจังต่อผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสิ้นสุดลงในปี 1945 หรือแม้กระทั่งอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ ผมรู้สึกเช่นนั้น”
“เมื่อสงครามจบลง พวกเขาก็สรุปกันว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิด” มุราคามิ เอ่ยถึงความรู้สึกของชาวแดนอาทิตย์อุทัยส่วนใหญ่ พร้อมชี้ว่าคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าตนเองเป็น “เหยื่อ” ของสงครามด้วยซ้ำ
มุราคามิ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเขียนนิยายที่มีฐานผู้อ่านกว้างขวางที่สุดในญี่ปุ่น และถูกคาดหมายเป็นตัวเก็งคว้ารางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมมานานหลายปี กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาอยู่เองที่จีนและเกาหลีจะยังโกรธแค้นสิ่งที่ญี่ปุ่นเคยกระทำต่อพวกเขาไว้ในช่วงสงคราม
“โดยพื้นฐานแล้ว ชาวญี่ปุ่นมักไม่รู้สึกว่าพวกเราเองก็เป็นฝ่ายโจมตีคนอื่นด้วย และแนวโน้มเช่นนี้กำลังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ” มุราคามิ กล่าว
การที่รัฐบาลโตเกียวไม่แสดงท่าทีสำนึกผิดอย่างจริงจังต่อการรุกรานชาติอื่นในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 เป็นเหตุให้ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศเพื่อนบ้านยังเต็มไปด้วยความขุ่นข้องบาดหมางตลอดมา
มุราคามิ ระบุด้วยว่า ทางการญี่ปุ่นไม่เคยติดตามสืบเสาะว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2011 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิซัดถล่มโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะจนทำให้แท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์หลอมละลายและมีรังสีรั่วไหลออกมา แต่กลับโทษว่าเป็นภัยพิบัติที่ไม่อาจป้องกันล่วงหน้า
“ผมเกรงว่า เราทุกคนอาจจะเข้าใจไปว่าแผ่นดินไหวกับสึนามิคือตัวการใหญ่ และพวกเราที่เหลือเป็นแค่เหยื่อ นี่คือสิ่งที่ผมกังวลที่สุด”
นวนิยายเล่มล่าสุดของ มุราคามิ เรื่อง “Colorless Tsukuru Tazaki and His Years of Pilgrimage” เริ่มวางจำหน่ายในยุโรปและสหรัฐฯ ในช่วงฤดูร้อนปีนี้
มุราคามิ ยังพลาดโอกาสคว้าโนเบลสาขาวรรณกรรมไปอีกปีหนึ่ง โดยผู้ที่ได้รางวัลประจำปี 2014 คือ พาทริก โมดิอาโน นักเขียนนวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งบอกเล่าประสบการณ์อันเจ็บปวดสมัยที่ฝรั่งเศสตกอยู่ภายใต้การยึดครองของนาซี
