เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ออกมาตกปากรับคำในวันนี้ (2 พ.ย.) ว่าจะนำเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเงินฝากผิดกฏหมายในธนาคารต่างประเทศหลายแห่งของชาวอินเดียที่พยายามหลบเลี่ยงภาษี กลับมาให้ได้
โมดี ระบุว่า เงินที่ควรจะเป็นของคนจนในอินเดียและรัฐบาลของเขา กำลังถูกแกะรอยอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเป็นความพยายามที่จะนำเอาเงินที่ต้องสงสัยว่าถูกฝากอยู่ในบัญชีธนาคารสวิสและธนาคารต่างชาติอื่นๆ กลับคืนสู่ประเทศ
"การเดินหน้าจัดการเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมเชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อสงสัย เงินทุกเพนนีของคนจนทุกคนในประเทศนี้ที่หายไป จะต้องถูกนำกลับคืนมา นี่คือพันธกรณีของผม" โมดี กล่าวผ่านสถานีวิทยุที่เขาจัดรายการเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ ซึ่งมุ่งเป้าสื่อสารไปยังกลุ่มคนจนหลายล้านคน
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน รัฐบาลอินเดียได้ส่งรายชื่อผู้ต้องสงสัย 627 คนให้กับศาลสูง ซึ่งเชื่อกันว่าพวกเขาได้นำ "แบล็กมันนี" หรือเงินฝากหลบเลี่ยงภาษีในธนาคารต่างชาติที่สรรพากรมิอาจเอื้อมถึงได้
ในตอนแรกรัฐบาลถูกกล่าวหาว่ากำลังหาทางปกป้องผู้้มีอำนาจ หลังจากที่มีการถกเถียงถึงเรื่องส่งรายชื่อเหล่านั้นให้กับศาลสูง
องค์กรว่าด้วยความโปร่งใสด้านการเงินของโลก (จีเอฟไอ) ที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งคอยตามรอยการขนถ่ายเงิน ระบุว่า มีชาวอินเดียแอบซุกเงินไว้ในบัญชีธนาคารต่างประเทศราวๆ 344 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2002-2011 เพื่อหลบเลี่ยงภาษี แต่เงินเหล่านั้นก็ยังถือว่าเป็นแค่เศษเสี้ยวของเงินกองทุนและทรัพย์สินผิดกฏหมายที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ในอินเดีย
โมดีรับปากไว้ในช่วงรณรงค์เลือกตั้งว่า จะนำเงินแบล็กมันนีเหล่านั้นกลับคืนสู่ประเทศให้ได้ภายใน 100 วัน หากเขาชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเขาเคยกล่าวหารัฐบาลที่แล้วว่าล้มเหลวในการจัดการกับปัญหานี้
ขณะที่บรรดานักเคลื่อนไหวต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงให้ดำเนินการตามล่าบรรดาเศรษฐีอินเดียที่กำลังถูกเพ่งเล็งโดยรัฐบาลชุดใหม่ ตามข้อกล่าวหาที่ว่าแอบซุกเงินไว้ในต่างแดน
"เท่าที่ผมเข้าใจ จากข้อมูลที่ผมมี ผมอยากบอกพวกคุณว่า เรากำลังตามรอยคนเหล่านี้" โมดี กล่าวถึงการสืบสวนตามหาแบล็คมันนี
หลังชนะการเลือกตั้ง โมดี ได้ตั้งทีมตรวจสอบเพื่อหาตัวผู้ที่เป็นเจ้าของเงินผิดกฏหมายเหล่านี้ และหาทางนำเงินกลับมา อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องเจอกับอุปสรรคในเรื่องของการรวบรวมข้อมูลเจ้าของเงิน อันเนื่องมาจากประเด็นการเก็บรักษาความลับด้านการเงินของลูกค้า ในธนาคารต่างประเทศ