เอเจนซีส์ - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) หลังอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านการซื้อสินทรัพย์เพื่อกระตุ้นการเติบโตมานาน 6 ปี โดยที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) แสดงความมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานอันสดใสของอเมริกา พร้อมกับย้ำว่ายังไม่ขึ้นดอกเบี้ยก่อนช่วงกลางปีหน้า ทางด้านนักวิเคราะห์ชี้ว่า นี่เป็นการเริ่มต้นการใช้นโยบาย “เป็นกลาง” อย่างเป็นทางการ ซึ่งหมายถึงว่า เฟดจะไม่ซื้อ-ขายสินทรัพย์ รวมทั้งไม่ขึ้นหรือลดดอกเบี้ยในระยะนี้
คำแถลงที่ออกมาภายหลังเอฟโอเอ็มซีเสร็จสิ้นประชุมเมื่อวันพุธ (29 ต.ค.) สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า เฟดมีความมั่นใจมากขึ้นต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่กำลังขยายตัวได้ในระดับพอประมาณ และเพิกเฉยต่อการชะลอตัวซึ่งยังคงเกาะกุมยุโรป
เฟดยังแสดงท่าทีคลายความกังวลกับตลาดแรงงาน โดยในคำแถลงระบุว่าหลังจากมีการสร้างงานอย่างเข้มแข็งตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ดัชนีหลายตัวบ่งชี้ว่า การใช้ประโยชน์ต่ำกว่าศักยภาพในตลาดแรงงาน ได้เริ่มบรรเทาลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลรองรับการตัดสินใจยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ที่เริ่มต้นนำมาใช้ในช่วงวิกฤตภาคการเงินโลกปี 2008 โดยครอบคลุมการรับซื้อพันธบัตรคลังและหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำประกัน เพื่อเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีการทำคิวอีรวม 3 รอบ โดยเฟดรับซื้อสินทรัพย์รวม 3.5 ล้านล้านดอลลาร์โดยประมาณ เพื่อตรึงอัตราดอกเบี้ยให้คงอยู่ในระดับต่ำและส่งเสริมการลงทุน รวมถึงลดอัตราว่างงานที่พุ่งทำสถิติสูงสุดที่ 10% ในเดือนตุลาคม 2009 และจากนั้นก็ลดลงต่อเนื่องจนอยู่ที่ 5.9% เมื่อเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ดี แม้ยุติมาตรการกระตุ้นอันสำคัญ แต่เอฟโอเอ็มซียืนยันว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำพิเศษในขณะนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเท่ากับการยึดมั่นในกรอบเวลาเดิมคือ จะไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยก่อนกลางปีหน้า
เฟดแจงว่า การยุติมาตรการคิวอีไม่ได้หมายถึงการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินในทางเทคนิค โดยเฟดจะไม่ขายสินทรัพย์ นอกจากสินทรัพย์ที่ถึงกำหนดไถ่ถอนในระยะสั้น
ทางด้าน ไมเคิล เกรเกอรี จาก บีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เกตส์ มองว่า ขณะนี้เฟดเข้าสู่นโยบายเป็นกลางอย่างเป็นทางการ กล่าวคือจะไม่มีการซื้อหรือขายสินทรัพย์ รวมทั้งไม่ขึ้นหรือลดดอกเบี้ย โดยระยะเวลาการคงนโยบายนี้ที่สำคัญแล้วคงจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะปรากฏออกมา
นอกจากนี้ ความที่ตลาดแรงงานเริ่มเข้าที่เข้าทาง จุดสนใจของเฟดจึงเปลี่ยนไปเป็นอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้ยังต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2%
และแม้ภาวะขาลงของเงินเฟ้อในปัจจุบันทำให้พวกนักเศรษฐศาสตร์บางคนกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ยูโรโซนก็กำลังต่อสู้กับภาวะเงินฝืดอยู่ ทว่าเอฟโอเอ็มซีระบุในคำแถลงคราวนี้ว่า ไม่วิตกใดๆ ในเรื่องนี้ และการคาดการณ์ระยะยาวอยู่ในสถานะที่มีเสถียรภาพ
ฮาร์ม แบนด์ฮอลซ์ จากยูนิเครดิต ตีความว่า น้ำเสียงของเอฟโอเอ็มซีฉายแวว “แข็งกร้าว” อย่างชัดเจน
สำหรับตลาดหุ้นในอเมริกามีปฏิกิริยาต่อการตัดสินใจล่าสุดของเฟดน้อยมาก โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับลงแค่ 0.14% ในวันพุธ สูงกว่าในช่วงระหว่างรอฟังคำแถลงจากเอฟโอเอ็มซีเล็กน้อย
ผิดกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และค่าดอลลาร์ที่ขยับขึ้น ตอบรับน้ำเสียงแข็งกร้าวอย่างน่าประหลาดใจในคำแถลงของเอฟโอเอ็มซี
