รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - รัฐบาลศรีลังกายังเดินหน้าภารกิจกู้ภัยค้นหาผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์โคลนถล่มแหล่งปลูกชาชั้นยอดของศรีลังกา ทางตอนกลางของประเทศ ซึ่งเชื่อกันว่ามีผู้เสียชีวิตใต้โคลนถล่มจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 คน
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันนี้ (30 ต.ค.) ว่า รัฐบาลศรีลังกาใช้รถขุดดินทหารถึง 5 คันเข้าร่วมปฎิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตในช่วงเช้าวันพุธ (29) แหล่งข่าวทหารศรีลังกาเผยกับเอเอฟพี และรวมไปถึงทหารกองทัพอีก 500 นายเข้าร่วมปฎิบัติการกู้ภัย ซึ่งศูนย์จัดการภัยพิบัติแห่งชาติศรีลังกาได้ออกคำเตือนประชาชนถึงเหตุโคลนถล่ม และหินหล่นทับ ที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้
โดยประธานาธิบดีศรีลังกา มหินทะ ราชปักษา (Mahinda Rajapaksa) ได้ทวีตข้อความว่า เครื่องมือหนักของกองทัพได้ถูกส่งไปพื้นที่เพื่อช่วยทำให้ภารกิจค้นหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
แต่เจ้าหน้าที่ยังเตือนว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะพบผู้รอดชีวิตจากโคลนถล่ม
ด้านมหินทา อมราวีระ (Hamindra Amaraweera)รัฐมนตรีฝ่ายจัดการภัยพิบัติของศรีลังกาให้สัมภาณ์กับรอยเตอร์ในระหว่างที่เดินทางไปเยือนที่เกิดเหตุ หมู่บ้านฮาลดัมมูลลา ห่างจากกรุงโคลัมโบไปทางเหนือราว 190 กม.
“เชื่อว่ามีชาวบ้านไม่ต่ำกว่า 100 คนได้เสียชีวิตใต้โคลนถล่ม และในขณะนี้ทางเราได้สั่งให้หยุดการค้นหาชั่วคราวเพราะเป็นเวลากลางคืน รวมไปถึงสภาพภูมิอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย และยังมีคำเตือนให้ระวังอาจเกิดโคลนถล่มขึ้นอีกครั้ง” อมราวีระแถลง
ทั้งนี้ เด็กนักเรียนที่เดินทางออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียนในช่วงเช้า แต่ต้องกลับมาเพื่อพบว่าบ้านเรือนของพวกเขาที่สร้างจากดินและซีเมนต์ได้จมอยู่ใต้โคลนขนาดมหึมา ในช่วงกลางคืนเด็กในพื้นที่เกิดเหตุเกือบ 300 คนต้องอยู่ในโรงเรียนในบริเวณพื้นที่ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์อพยพ
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า มีจำนวนผู้ที่ติดใต้โคลนถล่มมีจำนวนมากเท่าใด
เหตุโคลนถล่มครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.45 น.เมื่อวานนี้ (29) บริเวณแหล่งปลูกชามีริยาเบดดา (Meeriyabedda) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวที่มีน้ำตกสวยงาม ห่างจากกรุงโคลัมโบไปทางตะวันออกราว 200 กม.
เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้ (29) ว่า เจ้าหน้าที่ศรีลังกายืนยันว่า พบศพผู้เสียชีวิต 16 ศพล่าสุด และอมราวีระยังแถลงเพิ่มเติมว่า ในชั้นแรกมีการคาดว่าผู้สูญหายจะไม่ต่ำกว่า 300 คน แต่ในขณะเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงเช้าที่ผู้คนต่างออกไปทำงาน หรือไปโรงเรียน เพราะหลังจากเหตุการณ์สงบ ผู้ที่คาดว่าจะสูญหายแต่แรกถูกพบที่โรงเรียน หรือที่ทำงานของคนเหล่านั้น แต่รายงานอีกบางกระแสยังยืนยันว่า มีชาวบ้านจำนวนมากถึง 250 คนที่ยังสูญหายและติดต่อไม่ได้
“เราได้เริ่มให้การช่วยเหลือเหยื่อรอดชีวิตโดยจัดหาแหล่งหลบภัยพร้อมอาหาร และแม้แต่สำนักงานทะเบียนราษฎร์ซึ่งเก็บข้อมูลประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหายหนักจากเหตุโคลนถล่มนี้” อมราวีระกล่าว ซึ่งความเสียหายของสถานที่เก็บข้อมูลเป็นผลทำให้ตัวเลขผู้สูญหายคลาดเคลื่อน
และบีบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลศรีลังกาให้สัมภาษณ์กับเดลี มิเรอร์ สื่อท้องถิ่นในกรุงโคลัมโบว่า มีชาวบ้านราว 150 คนถูกฝังใต้ซากปรักหักพัง และเดอะ ไอแลนด์ สื่อท้องถิ่นอีกฉบับรายงานเพิ่มเติมว่า มีคนไม่ต่ำกว่า 250 ชีวิตถูกฝังใต้โคลนถล่ม
ในช่วงคืนวันพุธ (29) มีผู้รอดชีวิตอย่างน้อย 300 คนได้หลับนอนในโรงเรียน 2 แห่งใกล้กับแหล่งปลูกชามีริยาเบดดา และในช่วงกลางวันเมื่อวาน (29) ถนนบางสายในเขตภาคกลางศรีลังกา เช่น แคนดี (Kand) นูวาระ (Nuwara) เอลิยา (Eliya) และบาดุลลา (Badulla) ต้องถูกปิดลง และเป็นผลทำให้จราจรติดขัด
ด้านคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแถลงว่า แหล่งปลูกชาแถบนี้จัดเป็นพื้นที่เสี่ยงโคลนถล่ม และเมื่อย่างเข้าฤดูมรสุม เจ้าหน้าที่ก็ได้ย้ำเตือนหลายครั้งให้ชาวบ้านย้ายไปตั้งบ้านเรือนในจุดปลอดภัยกว่า ซึ่งชาวศรีลังกาเชื้อสายอินเดียทมิฬเป็นส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งคนเหล่านี้สืบเชื้อสายมาจากแรงงานชาวอินเดียทางใต้ที่ทางอังกฤษนำเข้ามาในประเทศในยุคอาณานิคมอังกฤษเพื่อต้องการจ้างแรงงานราคาถูกทำงานในไร่ปลูกชา ยางพารา และกาแฟ