เอเอฟพี – ฝนซึ่งเทกระหน่ำในฤดูมรสุมก่อให้เกิดโคลนถล่มบริเวณแหล่งปลูกชาชั้นดีของศรีลังกา วันนี้(29) ล่าสุดพบชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และยังสูญหายเกือบ 200 คน เจ้าหน้าที่บรรเทาภัยพิบัติแถลง
หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักสุดคือแหล่งปลูกชาซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโคลัมโบไปทางตะวันออก โดยต้องใช้เวลาขับรถยนต์หลายชั่วโมง
ปฏิบัติการกู้ภัยทำได้ยากลำบาก เนื่องจากทางหลวงหลายสายในพื้นที่ถูกน้ำท่วมจนพังเสียหาย
“เราได้รับรายงานว่า มีบ้านเรือนถูกโคลนถล่มทับประมาณ 140 หลังคาเรือน... คาดว่าจะมีชาวบ้านสูญหายประมาณ 200 คน” สาราฐ กุมารา โฆษกศูนย์จัดการภัยพิบัติแห่งชาติศรีลังกา ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้ 10 ศพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนงานไร่ชาและสมาชิกในครอบครัวที่เขตกอสลันดา ซึ่งห่างจากกรุงโคลัมโบไปทางตะวันออกราวๆ 200 กิโลเมตร
พล.ต. มาโน เปเรรา ผู้บัญชาการทหารประจำภูมิภาค เปิดเผยว่า กองทัพได้ส่งกำลังทหาร 20 หน่วยลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว แต่การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากมีหมอกลงจัดทำให้ทัศนวิสัยไม่ดี
“บ้านหลายหลังจมอยู่ใต้โคลนหนาถึง 9 เมตร” เปเรรา กล่าว พร้อมระบุว่ายังพอมีหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม
เหตุโคลนถล่มครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 7.45 น. (ประมาณ 9.15 น. ตามเวลาในไทย) โดยกินเวลาประมาณ 10 นาที ล่าสุดกองทัพอากาศและตำรวจคอมมานโดศรีลังกาก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว
มหินทา อมราวีระ รัฐมนตรีฝ่ายจัดการภัยพิบัติของศรีลังกาก็กำลังเดินทางลงพื้นที่เพื่อประเมินความเสียหาย โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เราได้ประสานกับทุกหน่วยงานเพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจ”
จุดซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตคือบริเวณแหล่งปลูกชามีริยาเบดดา (Meeriyabedda) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวที่มีน้ำตกสวยงาม
คณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแถลงว่า แหล่งปลูกชาแถบนี้จัดเป็นพื้นที่เสี่ยงโคลนถล่ม และเมื่อย่างเข้าฤดูมรสุม เจ้าหน้าที่ก็ได้ย้ำเตือนหลายครั้งให้ชาวบ้านย้ายไปตั้งบ้านเรือนในจุดปลอดภัยกว่า