เอเอฟพี - 2 พรรคการเมืองของผู้นำยูเครนกำลังเดินหน้าไปสู่เส้นทางชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในวันจันทร์ (27 ต.ค.) หลังผลการนับคะแนนบางส่วน ทิ้งห่างคู่แข่งขาดลอย เพิ่มโอกาสให้ "เปโตร โปโรเชนโก" นำพาประเทศเข้าไปใกล้ชิดยุโรปมากยิ่งขึ้น
ผลการนับคะแนนโหวตบางส่วนและผลสำรวจเอ็กซิตโพล แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนแบบล้นหลามของชาวยูเครนที่ต้องการให้โปโรเช่นโกนำพาประเทศออกจากวงโคจรของรัสเซีย รวมถึงยุติการสู้รบที่มีกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกที่ทำให้มีคนตายไปอย่างน้อย 3,700 ราย
รายงานผลการนับคะแนนประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของเขตเลือกตั้งทั้งหมด ปรากฏว่าพรรคพีเพิลฟรอนต์ของนายกรัฐมนตรี อาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค และพรรค เปโตร โปโรเชนโก บล็อค ของประธานาธิบดียูเครน เบียดกันมาแบบสูสีคู่คี่ด้วยคะแนนโหวตพรรคละ 22 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทั้งคู่น่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมเพื่อบริหารประเทศ โดยมี ยัตเซนยุค รั้งตำแหน่งนายกฯ ไว้เช่นเดิม
"พรรคพีเพิลฟรอนต์ ของนายกรัฐมนตรี อาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค กำลังนำอยู่ด้วยคะแนนโหวต 21.6 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยพรรคเปโตร โปโรเชนโก บล็อค ที่มีคะแนนโหวต 21.5 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่มีการนับคะแนนไปแล้วประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์" คณะกรรมการการเลือกตั้งของยูเครน ระบุ
ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปก็ได้ออกมายกย่องการเลือกตั้งในยูเครนครั้งนี้ ว่าเป็นชัยชนะของระบอบประชาธิปไตย ที่จะทำให้เกิดการปฏิรูปและนำพาประเทศแห่งนี้หลุดพ้นจากอิทธิพลของรัสเซีย
"ของแสดงความยินดีกับประชาชนชาวยูเครน ต่อชัยชนะของระบอบประชาธิปไตยและวาระแห่งการปฏิรูปของยุโรป" มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เขียนไว้บนทวิตเตอร์
องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) ที่มีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ ระบุว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญต่ออนาคตของยูเครน บรรดาหน่วยงานต่างๆ และผู้ลงคะแนนเสียงได้ให้การตอบรับการเลือกตั้งครั้งนี้กันเป็นจำนวนมาก
"การตอบสนองเหล่านั้น โดยเฉพาะความตั้งใจอันแน่วแน่ของภาครัฐ ด้วยการเปิดให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในพื้นที่ต่างๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรับมือกับความท้าทายทั้งในประเทศและนอกประเทศ" เคนต์ ฮาร์สเต็ด ประธานของโอเอสซีอี กล่าวในการแถลงข่าว
ด้านรัฐมนตรีช่วยฯ กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย "กริกอรี คาราซิน" ได้บอกกับ อาร์ไอเอ โนวอสตี สำนักข่าวแห่งชาติแดนหมีขาวว่า เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบรรดาพรรคการเมืองที่ต้องการแก้ปัญหาวิกฤติการสู้รบภายในประเทศด้วยสันติวิธี ได้รับเสียงสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม คาราซิน ระบุว่า เหล่ากองกำลังทหารที่เป็นพวกชาตินิยมยังคงได้รับการสนับสนุน ซึ่งนั่นทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเรียกร้องให้ใช้กำลังเข้าสู้รบนองเลือดมากขึ้น