เอเอฟพี - หลายปีแล้วที่บริการรับชมรายการทีวีตามสั่งของลูกค้านั้นค่อยๆ สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเคเบิลทีวีแบบดั้งเดิมที่ต้องเหมาจ่ายเป็นแพ็คเกจ แถมล่าสุดตอนนี้ดูเหมือนจะขยายไปสู่ช่องทางออนไลน์ ทำให้ธุรกิจบริการวีดีโอสตรีมมิ่งก็กำลังเจอกับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอชบีโอ (HBO) ได้ประกาศจะเปิดให้บริการวีดีโอสตรีมมิ่งในปี 2015 ซึ่งจะทำให้บรรดาซีรี่ส์ดังอย่าง "เกม ออฟ โทรน" และ "เกิร์ล" จะถูกส่งตรงไปสู่สายตาของผู้ชมได้โดยที่ไม่ต้องเป็นสมาชิกเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียม
ขณะที่ทาง ซีบีเอส (CBS) ก็เพิ่งออกมาบอกว่า จะนำเสนอรายการยอดนิยมของตนเอง อย่าง เอ็นซีไอเอส , สตาร์เทร็ค , ทวินพีค ฯลฯ ผ่านเว็บแก่สมาชิกโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเคเบิลทีวี
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า ยูนิวิชั่น สถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศในสหรัฐฯ ด้วยภาษาสเปน ก็จะมีการนำเสนอรายการของตนผ่านทางเว็บไซต์และแอพพลิเคชัน แบบไม่ต้องพึ่งพาเคเบิลทีวีด้วยเช่นกัน
เจมส์ แมคไกว จากบริษัทวิจัยฟอร์เรสเตอร์ ระบุว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้จะมีผู้ให้บริการความบันเทิงออนไลน์ อย่าง เน็ตฟลิกซ์ ฮูลูและอเมซอนอยู่ก่อนแล้ว แต่เนื้อหาของรายการต่างๆ ที่จะนำเสนอโดยสื่อยักษ์อย่างเอชบีโอและซีบีเอสนั้นถือว่าสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากพวกเขาได้นำเสนอรายการใหม่ๆ ที่ได้รับความนิยมและไม่เคยถูกนำออกฉายผ่านวีดีโอสตรีมมิ่ง
"พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องเขมือบบริการสตรีมมิ่งเจ้าอื่นๆ เพราะพวกเขาได้สร้างจุดสนใจใหม่ที่แตกต่างกับเจ้าอื่นขึ้นมาให้แก่ผู้ชม ด้วยบรรดารายการทีวียอดฮิต ซึ่งมันน่าสนใจเป็นอย่างมาก" แมคไกวบอกกับเอเอฟพี
ก้าวเข้าสู่โมเดลธุรกิจแบบใหม่
เจฟฟรีย์ แม็คคอล ศาสตราจารย์ด้านการสื่อสารของมหาวิทยาลัยเดพาว ระบุว่า พัฒนาการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมทีวีกำลังก้าวไปสู่โมเดลธุรกิจนำเสนอรายการตามสั่งผ่านช่องทางออนไลน์
"เราอาจจะยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่จากการประกาศของบริษัทเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น สำหรับซีบีเอสและเอชบีโอ พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องไปทำข้อตกลงกับพวกเคเบิลทีวีอีกแล้ว เมื่อได้นำรายการใส่เข้าไปในอินเตอร์เน็ต พวกเขาสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรงภายใต้เงื่อนไขของพวกเขาเอง" แม็คคอล กล่าว
แม็คคอล อธิบายว่า ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นการเร่งกระบวนการตัดช่องทางทำกินของอุตสาหกรรมเคเบิลทีวี ซึ่งอาจทำให้ผู้ให้บริการเคเบิลทีวีเหล่านั้นต้องเลิกออกแพ็คเกจเหมารวมราคาแพงๆ ที่มักจะทำมาเพื่อบีบบังคับให้ลูกค้าต้องซื้อเวลาที่อยากจะดูช่องยอดนิยมอย่างเอชบีโอหรือช่องกีฬาอีเอสพีเอ็น
จากข้อมูลการวิจัยของบริษัท เอสเอ็นแอล เคแกน พบว่า บรรดาเคเบิลทีวีในสหรัฐอเมริกาต้องสูญเสียผู้ชมไปมากถึง 2 ล้านรายในปี 2013 ด้านบริษัทวิจัยลีชแมน ระบุว่า 84 เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนในสหรัฐฯ เป็นสมาชิกของรายการทีวีที่เรียกเก็บค่าบริการ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของผู้ชมเหล่านี้เริ่มทยอยลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2010
ผลการสำรวจของลีชแมนแสดงให้เห็นว่า 22 เปอร์เซ็นต์ของผู้ย้ายที่พักอาศัย ไม่ได้ติดตั้งเคเบิลทีวีที่เรียกเก็บค่าบริการในบ้านหลังใหม่ของพวกเขา ขณะที่มี 11 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ไม่ติดตั้งเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม บอกว่าพวกเขาได้หันไปใช้บริการรับชมความบันเทิงผ่านระบบดิจิตอลอย่างเน็ตฟลิกซ์
แม็คคอลบอกว่า ด้วยการเพิ่มขึ้นของบริการบนโลกออนไลน์ ผู้คนสามารถหาความบันเทิงที่ต้องการได้อย่างเหลือเฟือ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเหมาจ่ายเพื่ออีก 100 ช่องที่พวกเขาไม่เคยคิดอยากจะดู
กระแสความนิยมใหม่นี้กำลังค่อยๆ เป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ แม็คคอลคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดภายใน 10 - 15 ปีนี้
"ผู้บริโภคสามารถเลิกจ่ายแพ็คเกจเคเบิลทีวีราคาแพงพวกนี้ แล้วเลือกสร้างลิสต์รายการที่พวกเขาอยากจะดูได้ด้วยตัวเองบนโลกออนไลน์" เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม นีล แม็คเกอร์ นักวิเคราะห์จากมอร์นิ่งสตาร์ ระบุว่า บริการใหม่ของเอชบีโอและซีบีเอสนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมุ่งเป้าตัดหนทางสร้างกำไรร่วมกับเคเบิลทีวี
"ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งตัดสัมพันธ์กับเคเบิลทีวีเลย เพราะทุกวันนี้ยังมีคนอีกมากที่ยอมซื้อแพ็คเกจดูเคเบิลทีวี และผมก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นการแข่งขันโดยตรงกับเน็ตฟลิกซ์ ผมคิดว่ามันเป็นเหมือนการเพิ่มเข้ามาอีกช่องเท่านั้นเอง" แม็คเกอร์ กล่าว
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ระบุว่า บรรดาสื่อรายอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งของเอชบีโอ อาจดำเนินการแบบนี้บ้าง โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้ากว่า 10 ล้านครัวเรือนในสหรัฐฯ ที่มีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงใช้ แต่ไม่ติดเคเบิลทีวี
รายการกีฬายังเป็นไพ่เด็ด
แมคไกว ระบุว่า มีสิ่งหนึ่งที่พอจะชะลอการเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีออนไลน์ได้ นั่นคือพวกกีฬาถ่ายทอดสดอย่าง อเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล และบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ
"ตราบใดที่คนเรายังไม่สามารถหาดูกีฬาได้จากช่องทางอื่น พวกเขาก็ต้องยอมอยู่กับธุรกิจเคเบิลทีวีแบบเก็บค่าบริการต่อไป โมเดลธุรกิจนี้อาจจะมีการหดตัวลง แต่มันจะไม่หายไปไหนหรอก" เขากล่าว
แมคไกวบอกอีกว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผู้บริโภคอาจจะสามารถยกเลิกแพ็คเกจเหมาจ่ายราคาแพง แล้วเลือกช่องและรายการที่ชอบได้ตามต้องการ ซึ่งนั่นอาจจะไม่ได้แปลว่าลูกค้าจะจ่ายน้อยลง พวกเขาอาจต้องจ่ายมากขึ้น แต่ก็คงยินดีจ่ายถ้ามันทำให้สามารถเข้าถึงรายการทั้งหมดที่เอชบีโอเคยออกอากาศไปแล้ว
แมคไกว บอกว่า การที่บริษัทเคเบิลทีวีไม่ได้กุมอำนาจไว้ดังเช่นแต่ก่อน ทำให้บรรดาผู้ผลิตรายการมีทางเลือก และอาจจะได้เห็นการผลิตรายการอิสระเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีรายการดีๆ ผุดขึ้นมามากมาย