รอยเตอร์ – กลุ่มกบฏยูกันดาก่อเหตุสังหารประชาชนมากกว่า 20 คนตลอดคืน ระหว่างการบุกโจมตีระลอกสองภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมงใกล้กับเมืองเบนีในภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยของกลุ่มประชาสังคมกลุ่มหนึ่งในพื้นที่ในวันนี้ (18 ต.ค.)
ความรุนแรงยังคงคุกรุ่นในภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แม้ว่าจะมีกองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และกองทหารรัฐบาลประจำการอยู่ก็ตาม โดยเมื่อปีที่แล้วทั้งสองกองกำลังนี้ได้กำราบการลุกฮือของกลุ่มกบฏ “M23” ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดต่อทางการกินชาซา นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองของประเทศอันกว้างใหญ่ในแอฟริกากลางแห่งนี้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการไปเมื่อปี 2003
โอมาร์ คาโวตา โฆษกของกลุ่มประชาสังคมแห่งคิวูเหนือ ระบุว่า กลุ่มกบฏ เอดีเอฟ-นาลูจากยูกันดา ซึ่งปฏิบัติการอยู่ในเขตพรมแดนทางตะวันออก มีเป้าหมายคุกคามหมู่บ้านเบียลอส
“วิธีการที่พวกเอดีเอฟสังหารประชาชนเหล่านี้ ถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” คาโวตา กล่าวผ่านทางโทรศัพท์จากเมืองเบนี ซึ่งอยู่ห่างจากทางใต้ของเบียลอสราว 40 กิโลเมตร ขณะที่ จัสติน กัมบาเล พยานผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า ทหารคองโกนายหนึ่งก็ตกเป็นเหยื่อในการโจมตีครั้งนี้ด้วย
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ระบุว่า เมื่อวันพุธ (15) กลุ่มกบฏได้สังหารประชาชนไป 27 คน ในการโจมตีตลอดคืนที่หมู่บ้านหลายแห่งใกล้เมืองเบนี ทั้งนี้ กลุ่มเอดีเอฟ-นาลู ปฏิบัติการร่วมกับกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นอื่นๆในเขตพรมแดนซึ่งเป็นที่หมายปองเพราะความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุ
ในตอนนี้ยังไม่มีความคิดเห็นจากกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นในคองโก หรือโฆษกกองทัพคองโกในจังหวัดคิวูเหนือเกี่ยวกับเหตุนองเลือดที่ิเพิ่งมีการรายงานมาล่าสุดนี้
เมื่อวันพุธ (15) กองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็น ระบุว่า กลุ่มเอดีเอฟ-นาลู ได้สังหารประชาชนไป 15 ราย รวมถึงเด็ก 6 คนที่มีอายุระหว่าง 7-17 ปี ในช่วงการบุกจู่โจมระหว่างวันที่ 5 - 8 ตุลาคม