เอเจนซีส์ / MGR online – ประชาชนมากกว่า 30,000 รายต้องกลายสภาพเป็นผู้อพยพหนีตาย และถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือทั้งปวง จากผลพวงของการสู้รบในพื้นที่ภาคตะวันออก ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (7 เม.ย.) ของสภาผู้อพยพแห่งนอร์เวย์
ข้อมูลล่าสุดที่ถูกเผยแพร่โดยสภาผู้อพยพแห่งนอร์เวย์ระบุว่า ผู้คนจำนวนหลายหมื่นรายต้องถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องอพยพละทิ้งบ้านเรือนของตนในเมืองเอ็มปาติในเขตจังหวัดคิวูเหนือ นับตั้งแต่ที่เกิดการสู้รบในพื้นที่เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาระหว่างกองทัพรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก กับกลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 รายหลังเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก กับฝ่ายกบฏในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศ
รายงานข่าวซึ่งอ้างการเปิดเผยในวันที่ 29 มี.ค. โดยกิโญม ฌิเก โฆษกของกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกระบุว่า ทางกองทัพได้สูญเสียกำลังทหารไป 4 นายจากการปะทะกับฝ่ายกบฏ ขณะที่กองกำลังฝ่ายกบฏที่เรียกตัวเองว่ากองกำลังประชาธิปไตยเพื่อการปลด ปล่อยแห่งรวันดา หรือกลุ่มกบฏ “FDLR” และพันธมิตรอย่างกลุ่มติดอาวุธ “ไม-ไม” ถูกสังหารไป 12 ราย
การยิงปะทะกันอย่างดุเดือดของทั้งสองฝ่ายปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อ 27 มี.ค. ที่ผ่านมาที่เมืองเอ็มปาติ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 100 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองโกมา ที่เป็นเมืองเอกของจังหวัดคิวูเหนือ
ตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มกบฏ FDLR และกลุ่มติดอาวุธไม-ไม ได้บุกเข้ายึดครองพื้นที่ของ 5 หมู่บ้านในจังหวัดคิวูเหนือ เป็นเหตุให้ทางกองทัพรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกต้องเปิดปฏิบัติการทางทหารเพื่อยึดคืนพื้นที่
ทั้งนี้ กลุ่มกบฏ FDLR จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างรวันดา ซึ่งเข้ามาตั้งฐานที่มั่นอยู่ทางภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ถือเป็นกองกำลังติดอาวุธของชนเผ่าฮูตู ที่มีเป้าหมายในการโค่นล้มรัฐบาลของรวันดาในกรุงคิกาลีที่นำโดยชนเผ่าทุตซี
ที่ผ่านมาแกนนำของกลุ่มกบฏกลุ่มนี้หลายรายเป็นที่ต้องการตัวของนานา ชาติ จากการพัวพันเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาเมื่อปี 1994 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 800,000 รายซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกชนกลุ่มน้อยเผ่าทุตซี
กลุ่มกบฏจากรวันดากลุ่มนี้ได้เข้ามาตั้งที่มั่นในพื้นที่ภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกมานานมากกว่า 20 ปีแล้วเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากความมั่งคั่งของทรัพยากรแร่ธาตุใต้ดินในพื้นที่ และถูกกล่าวหาว่าได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงหลายประการต่อชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งการบังคับใช้เด็กเป็นทหารและการข่มขืน
