รอยเตอร์ – ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติคนใหม่กล่าววันในพฤหัสบดี (16) ว่า เขามีความประสงค์ที่จะไปเยือนจีน รวมถึงแคว้นทิเบต ดินแดนซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาและปัญหาของประเทศนี้ พร้อมระบุว่า ขณะนี้กำลังจัดการหารือกับทางการปักกิ่งอยู่
กลุ่มนักเคลื่อนไหว ชี้ว่า จีนเหยียบย่ำเสรีภาพและวัฒนธรรมทางศาสนาในทิเบต ซึ่งปักกิ่งปกครองมาตั้งแต่กองทัพปลดแอกประชาชนจีน “ปลดปล่อย” แคว้นแห่งนี้ "อย่างสันติ" ในปี 1950 ขณะที่จีนไม่ยอมรับคำวิจารณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า การปกครองของพวกเขายุติความเป็นทาสและนำความเจริญมาสู่ดินแดนที่ยากจนและล้าหลังแห่งนี้
แมรี โรบินสัน คือข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นคนสุดท้ายที่ไปเยือนจีนในช่วงปลายทศวรรษ 1990 แม้ว่าจะมีการร้องขอซ้ำแล้วซ้ำเล่าจาก นาวี พิลเลย์ ผู้สืบทอดตำแหน่งของเธอซึ่งหมดวาระลงแล้วเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ขอให้จีนอนุญาตให้กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนอิสระเข้าไปเยือนทิเบตและจัดการกับความผิดหวังต่างๆที่ฝังรากลึก
จีนเคยเห็นพ้องในหลักการต่อการเดินทางมาเยือนของข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็น เมื่อครั้งที่ปักกิ่งเผชิญกับการทบทวนประวัติการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ณ ที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งดำเนินการตรวจสอบชาติสมาชิกของยูเอ็นทั้งหมดอยู่เป็นประจำ
“ในรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศ (UPR) จีนเห็นพ้องตามคำแนะนำที่ว่าควรมีการเยือนทิเบตโดยข้าหลวงใหญ่ฯ ดังนั้นเราจึงกำลังหารือประเด็นนี้กับทางการจีน” เซอิด ราอัด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็น บอกในการกล่าวสรุปข่าวครั้งแรกของเขา
ซาอิด ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตของยูเอ็นประจำจอร์แดน ขึ้นดำรงตำแหน่งข้อหลวงใหญ่ฯ เมื่อ 6 สัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่เขาอาจไปเยือนแคว้นอื่นที่ควบคุมยากในจีนอย่าง ซินเจียง ด้วยหรือไม่ เขาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะพิจารณาเรื่องสถานที่ที่ผมจะไปอย่างแน่นอน”
นับตั้งแต่ปี 2009 ชาวทิเบตมากกว่า 120 คน รวมถึงพระหลายรูป ได้จุดไฟเผาตัวเองเพื่อประท้วงการปกครองของปักกิ่ง โดยมีหลายคนออกมาเรียกร้องการกลับมาขององค์ ทะไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกเขาที่ลี้ภัยในต่างแดน
