เอเอฟพี - ผู้ที่เข้าร่วมการสังคายนาพระคริสตธรรมว่าด้วย “ครอบครัว” ของนิกายคาทอลิกครั้งสำคัญวานนี้ (13 ต.ค.) ชี้ว่า คริสตจักรโรมันคาทอลิกกำลังเปิดมุมมองในแง่บวกต่อผู้ที่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาโดยไม่ผ่านพิธีสมรส คู่รักที่หย่าร้าง และบุคคลรักร่วมเพศ
นักบวชอาวุโสที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงมอบหมายให้สรุปเนื้อหาการประชุม ณ สภาสงฆ์นครรัฐวาติกัน ที่มีบิชอปจากทั่วโลกเดินทางมาเข้าร่วม ได้ออกหนังสือทำการที่ระบุว่า นักบวชจำนวนมากมองเห็น “ด้านดี” ของความสัมพันธ์ ที่ในปัจจุบันถูกมองว่า “ผิดปกติ” เช่น คู่รักชาวสีม่วง คู่รักชายหญิงที่อยู่กินกันโดยไม่แต่งงาน หรือคู่รักที่สมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่ผ่านการหย่าร้างมาก่อน
บรรดานักบวชอาวุโสกลุ่มนี้ได้ชี้แนะในเอกสารฉบับดังกล่าวว่า คริสตจักรโรมันคาทอลิกควรยื่นมือเข้าถึงคนกลุ่มนี้ ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผู้เชี่ยวชาญผู้มีชื่อเสียงของวาติกันชี้ว่า สร้างแรงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นวงการบาทหลวง
เอกสารฉบับดังกล่าว ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อสรุปเนื้อหาการประชุมสัปดาห์แรกในวาติกัน ตั้งคำถามว่า “กลุ่มคนรักร่วมเพศต่างมีพรสวรรค์ และคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อชุมชนคริสต์ศาสนิกชน แล้วเราจะสามารถเปิดประตูรับคนเหล่านี้ได้หรือไม่ เราจะสามารถรับประกันว่า พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นพี่เป็นน้องในชุมชนของเราหรือไม่”
รายงานระบุเพิ่มเติมด้วยว่า “หากไม่พิจารณาถึงปัญหาด้านจริยธรรมในเรื่องความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศ เราต้องสังเกตเห็นว่า ยังมีกรณีที่คู่ครองช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนถึงจุดที่ทั้งสองฝ่ายเสียสละเพื่อกันและกัน ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือเกื้อกูลที่มีค่าในชีวิตคู่”
รายงานฉบับนี้ชี้ว่า คณะนักบวชคาทอลิกไม่ได้ปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงหลักคำสอนที่ยึดถือกันมาช้านาน ถือว่าการมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่แต่งงาน และการหย่าร้าง ผิดหลักศีลธรรมขั้นพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม คณะนักบวชยอมรับว่าคริสตจักรโรมันคาทอลิกจำเป็นต้องหาหนทางอุดช่องว่าง ระหว่างคำสอนกับคำถามเหล่านี้ และกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลกยุคใหม่
บรูโน ฟอร์เต เลขานุการพิเศษของสภาสงฆ์กล่าวว่า พันธมิตรคนหนึ่งของโป๊ปฟรานซิสได้สรุปทิศทางแนวโน้มในการประชุมไว้ว่า “เป็นการทำความเข้าใจลักษณะครอบครัวในโลกแห่งความเป็นจริง ในปัจจุบันที่มีความซับซ้อนโดยแท้จริง”
รายงานที่สรุปสาระการประชุมช่วงกลางระบุว่า สภาสงฆ์ยอมรับความเป็นจริงที่ว่า มีการสมรสตามกฎหมาย และการอยู่กินฉันสามีภรรยาโดยไม่แต่งงาน โดยระบุว่า การอยู่ร่วมกันโดยไม่ผ่านพิธีสมรสทางศาสนานั้นสามารถยอมรับได้ในระดับที่มีความมั่นคง ผ่านรูปแบบความสัมพันธ์ที่สังคมยอมรับ และมักถูกกำหนดให้มีลักษณะว่า เป็นความรักที่ลึกซึ้ง โดยแสดงความรับผิดชอบในตัวบุตร และมีความอดทนประคับประคองชีวิตคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง
อย่างไรก็ตาม เอกสารฉบับดังกล่าวหลีกเลี่ยงที่จะชี้ชัดในประเด็นที่กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า ผู้ที่หย่าร้างแล้วสมรสใหม่จะสามารถเข้าร่วมพิธีศีลมหาสนิทได้หรือไม่
บรรดานักวิจารณ์ชี้ว่า การห้ามให้ผู้ที่ผ่านการหย่าร้างเข้าร่วมพิธีดังกล่าว เป็นสิ่งที่ไร้เหตุผล เมื่อคำนึงถึงการที่คริสตศาสนจักรอนุญาตให้ฆาตกร ที่สารภาพบาปแล้วสามารถเข้าร่วมพิธีศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นพิธีการศักดิ์สิทธิ์ของชาวคาทอลิก ทำให้เรื่องนั้นยังคงเป็นคำถามที่ยังต้องรอทบทวนกันต่อไป
มีแนวโน้มที่สภาสงฆ์จะได้รับข้อสรุปในต้นปี 2016