เอเอฟพี – ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกมาเรียกร้องวานนี้ (9) ให้มีการปรับเปลี่ยนการทำงานใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสอีโบลาแพร่ระบาดเหมือนเชื้อเอดส์ ขณะที่พยาบาลชาวสเปนกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอย่างร้ายแรง
อิกนาซิโอ กอนซาเลซ หัวหน้ารัฐบาลท้องถิ่นแคว้นมาดริด บอกกับรัฐสภาสเปนว่า เทเรซา โรเมโร วัย 44 ปี “ป่วยหนัก และชีวิตของเธอตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างร้ายแรงจากผลของเชื้อไวรัสชนิดนี้”
เธอเป็นบุคคลคนแรกที่ทราบว่าติดเชื้อไวรัสอีโบลานอกแอฟริกา
ขณะเดียวกัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ก็ออกมาเรียกร้องให้ทั่วโลกตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาเพิ่มเป็น 20 เท่า หลังจากที่เชื้อมรณะชนิดนี้ได้คร่าชีวิตประชาชนในแอฟริกาตะวันตกไปแล้วเกือบ 3,900 คน นับตั้งแต่ช่วงต้นปี
การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอีโบลาเข้าสู่สหรัฐฯ และยุโรปได้ทวีความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดที่ขยายวงกว้างขึ้น และเป็นเหตุให้สหรัฐฯ , แคนาดา และอังกฤษ เริ่มเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองผู้โดยสารในสนามบินที่เดินทางมาจากแอฟริกาตะวันตก
ซีดีซี คาดการณ์ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านรายภายในเดือนมกราคมปีหน้า เว้นแต่จะมีมาตรการที่หนักแน่นเพื่อยับยั้งเชื้อไวรัสชนิดนี้ ซึ่งติดต่อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับของเหลวจากร่างกายผู้ติดเชื้อ
“เราต้องเริ่มทำงานในตอนนี้เลย เพื่อไม่ให้มันแพร่ระบาดไปทั่วโลกแบบเดียวกับโรคเอดส์” ทอม ไฟรเดน ผู้อำนวยการซีดีซี บอกกับเลขาธิการสหประชาชาติ , ประธานธนาคารโลก และกรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่มาร่วมประชุมกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
“ผมใคร่ขอบอกว่า ในช่วงระยะเวลา 30 ปีที่ผมทำงานด้านสาธารณสุขมา ปรากฏการณ์ที่คล้ายคลึงกันที่สุดคือการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์” เขากล่าวเสริม พร้อมเตือนถึง “การต่อสู้ที่ยาวนาน” ในวันข้างหน้า